คณะรัฐมนตรีรับทราบการตรวจสอบการใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเสนอ ดังนี้
1. กองทุนรวมฯ ได้รับจัดสรรเงินจากงบประมาณตั้งแต่ปี 2535 - 2546 เป็นเงินรวม 54,000 ล้านบาทณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีสินทรัพย์คงเหลือจำนวน 24,948.218 ล้านบาท ใช้จ่ายในการช่วยเหลือเกษตรกรและแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร (รวม 12 ปี) เป็นเงิน 29,051.782 ล้านบาท
2. เงินโอนจัดสรรตามโครงการ (ลูกหนี้) จำนวน 15,551.971 ล้านบาท เป็นเงินที่จัดสรรให้หน่วยงานต่าง ๆ ยืมเป็นทุนหมุนเวียนดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นลูกหนี้กองทุนรวมฯ โดยกรมการค้าภายใน (ฝ่ายเลขานุการ) และกรมบัญชีกลางได้จัดทำรายละเอียดสถานะโครงการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งมีทั้งหมด 94 โครงการ เป็นโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วยังค้างส่งคืนเงิน 40 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 36 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี 18 โครงการ
3. คณะกรรมการ คชก. ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 และวันที่ 19 ธันวาคม 2545 ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วปิดบัญชีส่งคืนเงินให้กองทุนรวมฯ รวมทั้งให้มีการตรวจสอบบัญชีโครงการรับจำนำต่าง ๆ โดยเร่งรัดให้ส่งคืนเงินคงค้างในบัญชีให้ ธ.ก.ส. ทันที ณ วันที่ 17 มกราคม 2546 มีหน่วยงานต่าง ๆ ส่งคืนเงินให้กรมบัญชีกลาง ดังนี้
1) ส่งคืนเงินคงเหลือในบัญชีโครงการที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินและที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วคืนกองทุนรวมฯ จำนวน 2,366.24 ล้านบาท
2) ส่งคืนเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายผลผลิตที่รับจำนำไว้ตามโครงการคืน ธ.ก.ส. จำนวน 2,458.021ล้านบาท (อคส. ส่งคืนจำนวน 1,351.331 ล้านบาท อ.ต.ก. ส่งคืนจำนวน 1,106.690 ล้านบาท)
4. ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรค สรุปได้ดังนี้
1) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีโครงการต่าง ๆ ที่ อคส. และ อ.ต.ก. ได้แทรกแซง/รับจำนำผลผลิตไว้ โดย ธ.ก.ส. ได้ให้สินเชื่อไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับชำระคืนเป็นวงเงินประมาณ 37,955.404 ล้านบาท ทำให้มีภาระดอกเบี้ยที่กองทุนรวมฯ ต้องรับผิดชอบสูงมาก
2) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ ธ.ก.ส. คิดจากโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ไปดำเนินการสูงถึงร้อยละ 7.5 - 8.0 แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ ธ.ก.ส. จ่ายให้แก่กองทุนรวมฯ ซึ่งฝากไว้กับ ธ.ก.ส. ในอัตราเพียงร้อยละ 1.50 จึงเห็นควรให้มีการทบทวนอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว
3) ขณะนี้มีโครงการต่าง ๆ ที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วและยังไม่ได้ปิดบัญชีอีกจำนวนมากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังตรวจสอบบัญชีไม่แล้วเสร็จ เห็นควรให้มีการว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระเร่งรัดตรวจสอบทั้งด้านการเงินและการปฏิบัติงานโดยใช้เงินกองทุนรวมฯ ดำเนินการ
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ดังนี้
1. ให้ ธ.ก.ส. อคส. และ อ.ต.ก. ร่วมกันตรวจสอบรายละเอียดการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทุกโครงการ รวมทั้งประมาณการภาระขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
2. ให้กรมบัญชีกลางหารือกับ ธ.ก.ส. ในการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเงินฝากของกองทุนรวมฯ ที่ฝากไว้กับ ธ.ก.ส. มาลดยอดภาระหนี้โครงการที่ได้รับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. และให้คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินกู้สุทธิ ตลอดจนให้ ธ.ก.ส. พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
3. ให้กรมบัญชีกลางประสานการจัดจ้าง การจัดทำรายละเอียดการตรวจสอบค่าใช้จ่าย และสัญญาจ้างเพื่อว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระเร่งดำเนินการตรวจสอบทั้งด้านการเงินและการปฏิบัติโครงการต่าง ๆ ภายใน 2 สัปดาห์
4. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบปิดบัญชีโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้ว รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ทั้งนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ และจัดส่งคืนเงินคงเหลือพร้อมดอกผลให้กองทุนรวมฯ ตามระเบียบราชการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 มกราคม 46--จบ--
-สส-
1. กองทุนรวมฯ ได้รับจัดสรรเงินจากงบประมาณตั้งแต่ปี 2535 - 2546 เป็นเงินรวม 54,000 ล้านบาทณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีสินทรัพย์คงเหลือจำนวน 24,948.218 ล้านบาท ใช้จ่ายในการช่วยเหลือเกษตรกรและแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร (รวม 12 ปี) เป็นเงิน 29,051.782 ล้านบาท
2. เงินโอนจัดสรรตามโครงการ (ลูกหนี้) จำนวน 15,551.971 ล้านบาท เป็นเงินที่จัดสรรให้หน่วยงานต่าง ๆ ยืมเป็นทุนหมุนเวียนดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นลูกหนี้กองทุนรวมฯ โดยกรมการค้าภายใน (ฝ่ายเลขานุการ) และกรมบัญชีกลางได้จัดทำรายละเอียดสถานะโครงการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งมีทั้งหมด 94 โครงการ เป็นโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วยังค้างส่งคืนเงิน 40 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 36 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี 18 โครงการ
3. คณะกรรมการ คชก. ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 และวันที่ 19 ธันวาคม 2545 ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วปิดบัญชีส่งคืนเงินให้กองทุนรวมฯ รวมทั้งให้มีการตรวจสอบบัญชีโครงการรับจำนำต่าง ๆ โดยเร่งรัดให้ส่งคืนเงินคงค้างในบัญชีให้ ธ.ก.ส. ทันที ณ วันที่ 17 มกราคม 2546 มีหน่วยงานต่าง ๆ ส่งคืนเงินให้กรมบัญชีกลาง ดังนี้
1) ส่งคืนเงินคงเหลือในบัญชีโครงการที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินและที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้วคืนกองทุนรวมฯ จำนวน 2,366.24 ล้านบาท
2) ส่งคืนเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายผลผลิตที่รับจำนำไว้ตามโครงการคืน ธ.ก.ส. จำนวน 2,458.021ล้านบาท (อคส. ส่งคืนจำนวน 1,351.331 ล้านบาท อ.ต.ก. ส่งคืนจำนวน 1,106.690 ล้านบาท)
4. ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรค สรุปได้ดังนี้
1) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 มีโครงการต่าง ๆ ที่ อคส. และ อ.ต.ก. ได้แทรกแซง/รับจำนำผลผลิตไว้ โดย ธ.ก.ส. ได้ให้สินเชื่อไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับชำระคืนเป็นวงเงินประมาณ 37,955.404 ล้านบาท ทำให้มีภาระดอกเบี้ยที่กองทุนรวมฯ ต้องรับผิดชอบสูงมาก
2) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ ธ.ก.ส. คิดจากโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ไปดำเนินการสูงถึงร้อยละ 7.5 - 8.0 แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ ธ.ก.ส. จ่ายให้แก่กองทุนรวมฯ ซึ่งฝากไว้กับ ธ.ก.ส. ในอัตราเพียงร้อยละ 1.50 จึงเห็นควรให้มีการทบทวนอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว
3) ขณะนี้มีโครงการต่าง ๆ ที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วและยังไม่ได้ปิดบัญชีอีกจำนวนมากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังตรวจสอบบัญชีไม่แล้วเสร็จ เห็นควรให้มีการว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระเร่งรัดตรวจสอบทั้งด้านการเงินและการปฏิบัติงานโดยใช้เงินกองทุนรวมฯ ดำเนินการ
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ดังนี้
1. ให้ ธ.ก.ส. อคส. และ อ.ต.ก. ร่วมกันตรวจสอบรายละเอียดการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทุกโครงการ รวมทั้งประมาณการภาระขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
2. ให้กรมบัญชีกลางหารือกับ ธ.ก.ส. ในการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเงินฝากของกองทุนรวมฯ ที่ฝากไว้กับ ธ.ก.ส. มาลดยอดภาระหนี้โครงการที่ได้รับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. และให้คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินกู้สุทธิ ตลอดจนให้ ธ.ก.ส. พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
3. ให้กรมบัญชีกลางประสานการจัดจ้าง การจัดทำรายละเอียดการตรวจสอบค่าใช้จ่าย และสัญญาจ้างเพื่อว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระเร่งดำเนินการตรวจสอบทั้งด้านการเงินและการปฏิบัติโครงการต่าง ๆ ภายใน 2 สัปดาห์
4. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบปิดบัญชีโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาแล้ว รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ทั้งนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ และจัดส่งคืนเงินคงเหลือพร้อมดอกผลให้กองทุนรวมฯ ตามระเบียบราชการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 มกราคม 46--จบ--
-สส-