คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. เห็นชอบมิให้นำคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับแก่บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ รวมทั้งมิให้นำประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวกับนโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนในส่วนที่ใช้พิจารณาโครงการลงทุนที่เป็นรัฐวิสาหกิจและกิจการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาใช้บังคับกับ บมจ. ปตท. ด้วย
กระทรวงพลังงานรายงานว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจน้ำมันก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมของ บมจ. ปตท. ต้องแข่งขันกับเอกชนอื่น ๆ รวมทั้งบริษัท ปตท. ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จำกัด และบริษัทปตท. ท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ) ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นตามนโยบายการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตจะต้องแข่งขันกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ ภายใต้การเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศ ดังนั้น หาก บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ ไม่สามารถขอรับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้เช่นเดียวกับเอกชนรายอื่น ๆ แล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันด้านการแข่งขันและมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและราคาหุ้นของ บมจ. ปตท. ในอนาคต เนื่องจากบริษัทเอกชนทั่วไปสามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ นอกจากนั้น การลงทุนโครงการต่าง ๆ ของ บมจ. ปตท. ต้องใช้เงินลงทุนสูง และต้องจัดหาแหล่งเงินทุนโครงการเอง ทั้งจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศและต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในการลงทุนมาก จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมการลงทุน และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสภาวะการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของ บมจ. ปตท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่25 กันยายน 2544 ที่ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ระบุให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้การสนับสนุนและพิจารณาอนุมัติให้ บมจ. ปตท. และ/หรือบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุนตามที่ บมจ. ปตท. และ/หรือบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่เสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุน
นอกจากนี้ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 เป็นโครงการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยซึ่งเป็นทรัพยากรในประเทศ โดยจะผลิตอีเทนเป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย ผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพื่อสนองความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการขยายการส่งออกในภูมิภาค และเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง นอกจากนี้ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ส 4/2545กิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นกิจการที่จะให้การส่งเสริมการลงทุนโดยจัดเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้นกิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ของ บมทจ. ปตท. จึงสมควรได้รับการพิจารณาส่งเสริมการลงทุน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 กรกฎาคม 2546--จบ--
-พห-
1. เห็นชอบให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน และได้รับสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2. เห็นชอบมิให้นำคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับแก่บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ รวมทั้งมิให้นำประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวกับนโยบายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนในส่วนที่ใช้พิจารณาโครงการลงทุนที่เป็นรัฐวิสาหกิจและกิจการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาใช้บังคับกับ บมจ. ปตท. ด้วย
กระทรวงพลังงานรายงานว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจน้ำมันก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมของ บมจ. ปตท. ต้องแข่งขันกับเอกชนอื่น ๆ รวมทั้งบริษัท ปตท. ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ จำกัด และบริษัทปตท. ท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ) ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นตามนโยบายการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และในอนาคตจะต้องแข่งขันกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ ภายใต้การเปิดเสรีกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศ ดังนั้น หาก บมจ. ปตท. และบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ฯ ไม่สามารถขอรับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้เช่นเดียวกับเอกชนรายอื่น ๆ แล้ว ก็จะส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันด้านการแข่งขันและมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและราคาหุ้นของ บมจ. ปตท. ในอนาคต เนื่องจากบริษัทเอกชนทั่วไปสามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ นอกจากนั้น การลงทุนโครงการต่าง ๆ ของ บมจ. ปตท. ต้องใช้เงินลงทุนสูง และต้องจัดหาแหล่งเงินทุนโครงการเอง ทั้งจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศและต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในการลงทุนมาก จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมการลงทุน และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสภาวะการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของ บมจ. ปตท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่25 กันยายน 2544 ที่ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ระบุให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้การสนับสนุนและพิจารณาอนุมัติให้ บมจ. ปตท. และ/หรือบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุนตามที่ บมจ. ปตท. และ/หรือบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่เสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุน
นอกจากนี้ โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 เป็นโครงการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยซึ่งเป็นทรัพยากรในประเทศ โดยจะผลิตอีเทนเป็นวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย ผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพื่อสนองความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการขยายการส่งออกในภูมิภาค และเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง นอกจากนี้ ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ส 4/2545กิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นกิจการที่จะให้การส่งเสริมการลงทุนโดยจัดเป็นกิจการที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้นกิจการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 5 ของ บมทจ. ปตท. จึงสมควรได้รับการพิจารณาส่งเสริมการลงทุน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 กรกฎาคม 2546--จบ--
-พห-