แต่งตั้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 12, 2011 17:24 —มติคณะรัฐมนตรี

1. แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน)

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้ง นางผจงสิน วรรณโกวิท รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

2. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข)

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

1. นายทวี รัตนชูเอก นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2553

2. นางปาริชาติ สรเทศน์ ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

3. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี)

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอแต่งตั้ง นายไพโรจน์ โพธิวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

4. แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

คณะรัฐมนตรีอนุมัติมอบหมายการรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 โดยให้เป็นไปตามลำดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี 2. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

5. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย ดังนี้

1. นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

2. นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

3. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

4. นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

6. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพชุดใหม่ ดังนี้ นายสมชัย ศิริวัฒนโชค เป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย นายกล่ำคาน ปาทาน พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล นายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ นางปราณี ศุกระศร นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ พ.ต.ท.ดร.สุรศักดิ์ บุญศรีภิรัตน์ นายประภาส เกียรติสุขสถิตย์ และนางเพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย โดยนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยตำแหน่ง

7. แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น เป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน และผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน 7 คน เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการผังเมือง ดังนี้

1. ผู้ทรงคุณวุฒิ 1) นายสง่า โภคบุตร 2) นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร 3) หม่อมหลวงปาณสาร หัสดินทร 4) นายสมพล ยุติธรรม 5) คุณหญิงภัทราภา อิศรเสนา ณ อยุธยา 6) นายปรีชา รณรงค์ 7) นายจิรายุ ศวิตชาต

2. ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น 1) นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ 2) นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ 3) นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ 4) นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล 5) นายอดุลย์ ตั้งศัตยาภิรมย์ 6) นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ 7) นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป

8. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม)

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ดังนี้

1. นายวันชัย ภาคลักษณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทางหลวง

2. นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมทางหลวงชนบท

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

9. การแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้ง นาวาอากาศเอก จิรพล เกื้อด้วง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 190,000 บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์ อื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว

10.การแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้ง นายอัยยณัฐ ถินอภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 300,000 บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว

11.การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้นางอัมพร นิติสิริ พ้นจากตำแหน่งการเป็นกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 และเห็นชอบแต่งตั้งนายอาทิตย์ อิสโม ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป และมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่แทน

12.แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้

องค์ประกอบ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นประธานกรรมการ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ คนที่ 1 รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ คนที่ 2 รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ คนที่ 3 เป็น รองประธานกรรมการ คณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้แทนสำนักงานประกันสังคม ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้แทนสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจทางการค้า ผู้แทนสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนหอการค้าไทย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและวิชาการสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบุคลากรและประสานสถิติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดเก็บข้อมูลสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ สถิติจังหวัดสมุทรปราการ สถิติจังหวัดนครราชสีมา โดยมีผู้อำนวยการสำนักสถิติเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการกลุ่มสถิติสถานประกอบการ 1 สำนักสถิติเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสถิติแห่งชาติ และผู้อำนวยการกลุ่มสถิติสถานประกอบการ 2 สำนักสถิติเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

อำนาจหน้าที่

1. พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานโครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555

2. ให้คำปรึกษา แนะนำ และกำกับการดำเนินงานตามโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด

3. มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆ ได้ตามความจำเป็น

4. พิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกรรมการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการ

13.คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 197/2554 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

คณะรัฐมนตรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 197/2554 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้

เพื่อให้การดำเนินงานในการเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ข้อ 1.5 และนโยบายที่จะดำเนินการในช่วง 4 ปี ข้อ 7.5 และ 7.10 ตามที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1. องค์ประกอบ ประกอบด้วย พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย พลตำรวจเอก สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายพระนาย สุวรรณรัฐ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ พลเอก ขวัญชาติ กล้าหาญ รองศาสตราจารย์โคทม อารียา นางจิราพร บุนนาค นายเจริญ หมะเห นายถิรชัย วุฒิธรรม นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปิยะ กิจถาวร แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา นางเมตตา กูนิง รองศาสตราจารย์รัตติยา สาและ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ นายวรวีร์ มะกูดี นางสาวศุภวรรณ พึ่งรัศมี พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว นายแพทย์อนันต์ชัย ไทยประทาน นางอังคณา นีละไพจิตร นายอิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรรมการและเลขานุการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการร่วม นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จำนวนไม่เกิน 3 คน ที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่งตั้ง

2. อำนาจหน้าที่

(1) สำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง จัดทำฐานข้อมูล และ / หรือศูนย์กลางข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 รวมทั้งความต้องการความช่วยเหลือเยียวยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาหรือการช่วยเหลือเยียวยาที่ได้ดำเนินการไปแล้วยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือตามหลักสากล การดำเนินการดังกล่าวให้ความสำคัญโดยคำนึงถึงอัตลักษณ์ ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อทางศาสนา เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามข้อ (3) เพื่อให้ได้ผลเป็นรูปธรรมอย่างถูกต้องครบถ้วน

(2) จัดให้มีเวทีสาธารณะและการประชุมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังข้อมูลและความเห็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ

(3) กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

(4) มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเป็นผู้พิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามข้อ (3)

(5) เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา การพัฒนา และการคุ้มครองสิทธิของประชาชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

(6) แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการสำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และความต้องการความช่วยเหลือเยียวยา จัดเวทีสาธารณะและการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น วิชาการ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ประชาสัมพันธ์และการอื่นใด ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

(7) เชิญผู้แทนหน่วยงานของรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้จัดส่งเอกสาร หรือข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา

(8) วินิจฉัยคำร้องในกรณีที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เห็นด้วยกับผลการพิจารณาที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยา และคำสั่งของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด

(9) จัดให้มีการประชุมร่วมกับคณะทูตของประเทศมุสลิม คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมุสลิม ผู้แทนองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและเผยแพร่การดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบกับประเทศมุสลิมและองค์การความร่วมมืออิสลาม และสร้างความเช้าใจที่ถูกต้องตามนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการเข้าถึงในระดับประชาชนของนานาประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชน รัฐบาล และประชาคมระหว่างประเทศ มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าประเทศไทยกำลังดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

(10) ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

3. การดำเนินการ

(1) ให้ทุกส่วนราชการ และองค์กรของรัฐ ให้ความร่วมมือในด้านข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยา ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ บุคลากร และการดำเนินการ รวมทั้งสนับสนุนด้านอื่นๆ ให้แก่คณะกรรมการตามที่ร้องขอโดยเร็ว

(2) ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการให้เป็นไปตามคำสั่งนี้

(3) ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้สนับสนุนการทำงานด้านธุรการ บุคลากร การเงิน และการดำเนินการอื่นใดแก่คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

(4) ค่าตอบแทนของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการ ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

(5) ค่าใช้จ่ายในการอำนวยการ การประสานงาน และการบริหารจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ หรือตามที่คณะกรรมการมอบหมาย เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าห้องประชุม ให้เบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

(6) ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้พอเพียงกับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน

(7) ให้คณะกรรมการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภารกิจภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 ตุลาคม 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ