มาตรการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 26, 2011 17:13 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย และฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้

1. มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ

(1) ชะลอการชำระค่าสาธารณูปโภค (เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์) จนกว่าสถานประกอบการจะสามารถกลับมาประกอบการได้ตามปกติ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ

(2) มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมพิจารณาช่วยเหลือการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร อุปกรณ์ และสินค้าในคลังสินค้า ออกจากพื้นที่อุทกภัย ไปจัดเก็บในพื้นที่ปลอดภัย และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อุทกภัยโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเสียหายของเครื่องจักรอุปกรณ์

(3) มอบหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการป้องกันมิจฉาชีพที่จะเข้ามาโจรกรรมสินค้า และทรัพย์สินมีค่าภายในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม

(4) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาติดตามการจ่ายสินไหมทดแทน และแก้ไขข้อพิพาทระหว่างโรงงานกับบริษัทประกัน

(5) มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ/ช่างจากต่างประเทศ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมผู้เชี่ยวชาญ/ช่างในประเทศ จากภาคการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อเข้าซ่อมแซม และฟื้นฟูเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย

(6) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกประกาศยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ทุกประเภทที่นำเข้ามาเพื่อทดแทน/ ซ่อมแซมเครื่องจักรที่เสียหาย สำหรับโรงงานทุกประเภทที่ประสบอุทกภัย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นหน่วยงานให้การรับรองความเสียหาย

(7) ในกรณีที่เกิดการขาดแคลนรถยนต์สำหรับผู้บริโภคในประเทศอันเนื่องมาจากโรงงานรถยนต์ประสบอุทกภัยและเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งระบบ เห็นควรมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกประกาศยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนรถยนต์ที่นำเข้ามาประกอบรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศในจำนวนและอัตราที่เหมาะสม ให้กับผู้ประกอบการรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ประสบความเสียหายจากอุทกภัย

(8) มาตรการฟื้นฟูสถานประกอบการผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม โดยจัดทำเป็นโครงการเพื่อบรรเทา และฟื้นฟูสถานประกอบการที่เป็น SMEs และ OTOP ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมทั่วประเทศ ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วที่สุด ในวงเงินงบประมาณ 500 ล้านบาท

(9) เนื่องจากมีแรงงานที่อาจประสบการว่างงานมากถึง 660,000 คน จึงเห็นควรให้มีมาตรการจัดอบรมเพิ่มทักษะ หรือหลักสูตรที่จำเป็นให้แรงงาน โดยรัฐสนับสนุนค่าฝึกอบรม และค่าอาหารระหว่างการอบรม ในช่วงที่สถานประกอบการหยุด/ชะลอการผลิต ตลอดจนการจัดส่งแรงงานที่หยุดงานไปเป็นกำลังการผลิตในโรงงานที่ขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงแรงงานรับไปพิจารณาดำเนินการ

(10) มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงื่อนไขผ่อนปรน สำหรับช่วยเหลือ ฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประกอบการ และผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรม (ภาคเอกชน) วงเงินรวมประมาณ 250,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท และสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการและผู้พัฒนานิคมฯ ผ่านธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของภาครัฐ ในวงเงินส่วนที่เหลือประมาณ 230,000 ล้านบาท

2. มาตรการช่วยเหลือของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(1) ขออนุมัติวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาผ่อนชำระยาวให้กับการ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการฟื้นฟูนิคมที่ประสบความเสียหาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ผู้พัฒนานิคมเดิมขาดความสามารถในการเข้าไปดูแลแก้ไขความเสียหายจากอุทกภัย กลุ่มที่การนิคมฯ เข้าร่วมดำเนินการ และมีความต้องการให้การนิคมฯ เข้าไปช่วยเหลือ และกลุ่มที่การนิคมฯ ดูแลและพัฒนาเอง โดยมีวงเงินสินเชื่อ 4,500 ล้านบาท

(2) เนื่องจากการนิคมฯ มีความจำเป็นต้องเร่งรัดเข้าไปฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย จึงเห็นควรมอบหมายคณะกรรมการการนิคมฯ พิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษหรือวิธีกรณีพิเศษเพื่อให้ทันกับสถานการณ์

(3) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาผ่อนผันให้การนิคมฯ ไม่ต้องส่งเงินจากกำไรสุทธิประจำปีให้กระทรวงการคลัง เนื่องจากมีความจำเป็นต้องนำเงินส่วนนี้ไปดำเนินการบริหารจัดการและฟื้นฟูนิคมที่ได้รับความเสียหาย

3. มาตรการช่วยเหลือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

(1) มาตรการด้านภาษีอากรเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤต อุทกภัย

(1.1) มาตรการทั่วไปสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยกรณีผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยประสงค์จะลงทุนเพื่อทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศไทย เห็นควรให้ได้รับยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้

          พื้นที่ลงทุน           ปัจจุบัน                                 เสนอใหม่

หากลงทุนในจังหวัดเดิม หากไปลงทุน

                                                         ที่ประสบอุทกภัย        ในจังหวัดอื่น
          เขต 1 นอกนิคมฯ     ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติ     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด
                            บุคคล                      ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น     วงเงินที่ยกเว้น
          เขต 1 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น

          เขต 2 นอกนิคมฯ     ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น

          เขต 2 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 7 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น

และลดหย่อน 50% 3 ปี และลดหย่อน 50% 3 ปี

          เขต 3 นอกนิคมฯ     ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น และลดหย่อน

และลดหย่อน 50% 5 ปี 50% 5 ปี

          เขต 3 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น และลดหย่อน

                            และลดหย่อน 50%  อีก 5 ปี     และลดหย่อน 50% 5 ปี     50% 5 ปี
          เขต 3 พิเศษ        ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี   ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี     ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัด

ไม่จำกัดวงเงินที่ยกเว้น วงเงินที่ยกเว้น และลดหย่อน

                            และลดหย่อน 50%  อีก 5 ปี     และลดหย่อน 50% 5 ปี     50%  5 ปี

ทั้งนี้ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรสำหรับทุกเขต และผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในสิ้นปี 2555

(1.2) มาตรการทั่วไปสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่หรือผู้ประกอบการที่ลงทุนอยู่แล้วที่ไม่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย กรณีผู้ประกอบการรายใหม่หรือผู้ประกอบการที่ลงทุนอยู่แล้วที่ไม่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ประสงค์จะลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนในประเทศไทย เห็นควรให้ได้รับยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้

          พื้นที่ลงทุน           ปัจจุบัน                                  เสนอใหม่
          เขต 1 นอกนิคมฯ     ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล              ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น
          เขต 1 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น

และลดหย่อน 50% 3 ปี

          เขต 2 นอกนิคมฯ     ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น
          เขต 2 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 7 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น

และลดหย่อน 50% 5 ปี

          เขต 3 นอกนิคมฯ     ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น

และลดหย่อน 50% 5 ปี

          เขต 3 ในนิคมฯ      ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น
                            และลดหย่อน 50%  อีก 5 ปี                  และลดหย่อน 50%  5 ปี
          เขต 3 พิเศษ        ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี                ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จำกัดวงเงินที่ยกเว้น
                            และลดหย่อน 50%  อีก 5 ปี                  และลดหย่อน 50%  5 ปี

ทั้งนี้ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรสำหรับทุกเขต และผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในสิ้นปี 2555

(1.3) มาตรการเฉพาะประเภทกิจการสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ สำหรับกิจการผลิตรถยนต์ทั่วไป เห็นควรให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี ทุกเขต โดยจำกัดวงเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นร้อยละ 100 ส่วนกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดอยู่แล้ว จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์เดิมต่อไป สำหรับอุตสาหกรรมอื่น ให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาเป็นรายกรณี

(1.4) มาตรการสำหรับนิคม/เขตอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย : หากนิคม/เขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและประสงค์จะลงทุนเพื่อพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนระบบสาธารณูปโภคเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เดิมหรือขยายพื้นที่เพิ่มเติม เห็นควรให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และขยายวงเงินยกเว้นภาษี จากเดิมได้รับยกเว้นร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 200 ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)

(2) มาตรการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทยและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ซึ่งจะต้องดำเนินการในเชิงรุกอย่างจริงจัง เพื่อรักษาฐานการผลิต การส่งออก การจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รับผิดชอบดำเนินการ โดยมีกิจกรรมหลัก ดังนี้

(2.1) ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อชั้นนำของโลกไปยังกลุ่มเป้าหมายในเชิงรุกและเป็นระบบ โดยดำเนินการร่วมกับบริษัทสื่อสารมวลชนมืออาชีพระดับโลก

(2.2) จัดคณะผู้บริหารระดับสูงของประเทศไทยเดินทางไปชี้แจงสถานการณ์และมาตรการต่างๆ ของรัฐต่อนักลงทุนและกลุ่ม Influencer เช่น บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทที่ปรึกษากฎหมายและบัญชี สถาบันการเงิน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในประเทศเป้าหมาย

(2.3) จัดนิทรรศการ BOI FAIR ในช่วงต้นปี 2555 และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนภายหลังผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัย

(2.4) ประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการอื่น ได้แก่ กรมส่งเสริมการส่งออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมดำเนินการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 ตุลาคม 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ