คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติเรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 หรือ 11ตามแนวทางที่กำหนด และให้ใช้แบบรับรองประวัติข้าราชการที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10หรือ 11 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. การแต่งตั้งย้อนหลัง
เนื่องจากปัจจุบันส่วนราชการต่าง ๆ สั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัดให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังยังลักลั่นกันอยู่ ทำให้ข้าราชการได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน ไม่เป็นธรรมแก่ข้าราชการโดยส่วนรวม ทั้งยังก่อให้เกิดความยุ่งยากในการควบคุมงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินเดือน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งโยกย้ายให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งย้อนหลังนั้น ในทางปฏิบัติข้าราชการไม่อาจไปดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ตามวันที่ย้อนหลังไปนั้นได้คงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่งเดิม ย่อมเป็นการขัดกับข้อเท็จจริงและน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีที่กฎหมายได้กำหนดให้ข้าราชการนั้น ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในการอนุญาต อนุมัติ หรือสั่งการอันจะมีผลบังคับตามกฎหมายนั้น ๆ และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมไปแล้ว ต่อมาได้รับการแต่งตั้งย้อนหลังให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นอาจทำให้การปฏิบัติงานของข้าราชการผู้นั้นในตำแหน่งเดิมไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้ ฉะนั้น เพื่อให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติในเรื่องนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเพื่อให้เป็นไปได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นธรรมแก่ข้าราชการทุกประเภทและทุกฝ่าย จึงเห็นสมควรห้ามมิให้ส่วนราชการสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประเภทหรือฝ่ายใด ให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้นหรือระดับตำแหน่งสูงขึ้นนั้นอยู่แล้ว เว้นแต่
1.1 การเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งเดิมให้เป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นย้อนหลัง ก็ให้เลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้มีอำนาจกำหนดตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทหรือฝ่ายนั้น ๆ จะได้กำหนด และข้าราชการผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับการกำหนดเป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นนั้นอยู่แล้ว
1.2 กรณีที่ข้าราชการได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการหรือรักษาการในตำแหน่งนั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ให้แต่งตั้งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาการหรือรักษาการในตำแหน่งนั้น
1.3 สำหรับข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่หรือบรรจุกลับเข้ารับราชการก็ให้สั่งบรรจุและแต่งตั้งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้นั้นได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ เว้นแต่กรณีรับโอน
2. การแต่งตั้งล่วงหน้า การแต่งตั้งข้าราชการล่วงหน้าให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
2.1 กรณีที่ 1 การออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งที่ยังไม่ว่างในขณะที่ออกคำสั่งโดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลงแล้วนั้น สมควรให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่จำเป็น เช่น แต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือเป็นการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณอายุ หรือการแต่งตั้งแทนผู้ที่ขอลาออกจากราชการ และเป็นตำแหน่งที่จำเป็นต้องมีผู้ปฏิบัติงานต่อเนื่อง เป็นต้น โดยออกคำสั่งล่วงหน้าได้ไม่เกิน 2 เดือน หากมีความจำเป็นต้องออกคำสั่งล่วงหน้าเกินกำหนดเวลาดังกล่าว ก็ให้ขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปก่อน
2.2 กรณีที่ 2 ผู้มีอำนาจแต่งตั้งซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนจะต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ไม่พึงออกคำสั่งแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อผู้ออกคำสั่งพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้ว หากมีความจำเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการจำต้องออกคำสั่งแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าก็ให้ขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปก่อน
2.3 กรณีที่ 3 ผู้มีอำนาจแต่งตั้งไม่อาจออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนที่มีคุณสมบัติยังไม่ครบตามกฎหมายกำหนดไว้ให้ดำรงตำแหน่งใด ๆ เป็นการล่วงหน้า โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อผู้ได้รับแต่งตั้งมีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะตามหลักการของการแต่งตั้งข้าราชการนั้น จะพิจารณาแต่งตั้งเมื่อมีตำแหน่งว่างและจะต้องพิจารณาแต่งตั้งจากผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับตำแหน่งนั้น ๆ แล้วเท่านั้น
3. วันที่ขอให้การแต่งตั้งมีผล
การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 ที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ และนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 หากไม่ใช่กรณีที่จำเป็นอย่างยิ่ง ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ยกเว้น
3.1 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทดแทนตำแหน่งของผู้ครบเกษียณอายุราชการ หากจะขอแต่งตั้งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกันยายน
3.2 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการที่ต้องประเมินบุคคลและผลงาน เช่น การแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ ระดับ 10 หรือ 11 หากจะขอแต่งตั้งให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่เสนอผลงาน หรือวันที่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการประเมินนั้น กำหนดให้กระทำได้โดยระบุวันที่มีผลให้ปรากฏชัดว่าเป็นการขอแต่งตั้งในกรณีดังกล่าว
3.3 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น เช่น กรณีย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน หรือรับโอน หรือขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ หรือทดแทนผู้ลาออก หรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่องค์กรกลางการบริการงานบุคคลกำหนด เป็นต้น หากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นในทางการบริหาร และจะขอแต่งตั้งให้มีผลล่วงหน้าหรือย้อนหลัง ให้กระทำได้โดยระบุวันที่ประสงค์จะให้มีผลแต่งตั้งพร้อมเหตุผลความจำเป็นให้ปรากฏชัดว่า เป็นการขอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผู้นั้นได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการแทน หรือรักษาการในตำแหน่งแล้วแต่กรณีตั้งแต่วันดังกล่าวด้วย (ทั้งนี้ เนื่องจากหลักการแต่งตั้งย้อนหลังจะแต่งตั้งได้ไม่ก่อนวันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนหรือรักษาราชการในตำแหน่ง)
3.4 การเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งเดิมให้เป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นย้อนหลัง ให้เลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้มีอำนาจกำหนดตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทหรือฝ่ายนั้น ๆ กำหนด และข้าราชการผู้นั้นต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับการกำหนดเป็นชั้นหรือระดับสูงนั้นอยู่แล้ว
3.5 สำหรับข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่ หรือบรรจุกลับเข้ารับราชการหรือการกลับเข้ารับราชการให้เสนอขอแต่งตั้งโดยให้มีผลในวันที่ส่วนราชการมีคำสั่งบรรจุใหม่หรือคำสั่งบรรจุกลับ หรือคำสั่งกลับเข้ารับราชการ
4. การแต่งตั้งและการให้พ้นจากตำแหน่ง
4.1 การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 ไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากระดับ 9 แต่ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 เพียงอย่างเดียว แต่หากแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 หรือ 11 จากตำแหน่งหนึ่งไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 อีกตำแหน่งหนึ่ง จะต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ยกเว้นการแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งระดับ 10 เพียงอย่างเดียว
4.2 การแต่งตั้งและการให้พ้นจากตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการใหม่ ย่อมทำให้ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการเดิมถูกยกเลิกไป และองค์กรกลางบริหารงานบุคคลนำไปกำหนดเป็นตำแหน่งใหม่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วก็ไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งเลขที่เดิมระดับเดียวกัน หากผู้ดำรงตำแหน่งยังเป็นคนเดิม ซึ่งผ่านกระบวนการแต่งตั้งมาครบสมบูรณ์ตามวิธีการและขั้นตอนที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนกำหนดแล้วว่า การจะแต่งตั้งผู้นั้นให้ดำรงตำแหน่งใหม่ไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติซ้ำอีก และไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เพียงแต่นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบเท่านั้น
อนึ่ง สำหรับข้าราชการต่างประเภท หากโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 ต้องออกคำสั่งบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และออกคำสั่งให้ได้รับเงินเดือน นับตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
5. แบบรับรองประวัติ ให้ส่วนราชการกรอกข้อมูลข้าราชการที่ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเพื่อเลื่อนระดับให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 ดังนี้
5.1 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายและเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง โดยมีรายละเอียดประกอบด้วย
1) ตำแหน่งที่เสนอขอแต่งตั้ง
2) เหตุผลในการแต่งตั้ง
3) วันที่ขอให้การแต่งตั้งมีผล
4) ประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้ง
5) ตำแหน่งที่จะแต่งตั้งเป็นตำแหน่งมีเงื่อนไขหรือไม่
6) มีคำสั่งให้รักษาราชการแทน/รักษาการในตำแหน่งที่จะแต่งตั้งหรือไม่
7) กรณีแต่งตั้งในกระทรวงเดียวกัน
8) กรณีแต่งตั้งต่างกระทรวง
9) การรับรองว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย และเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง
5.2 เพิ่มเติมแบบประวัติเพื่อประกอบการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นแบบประวัติผู้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ประกอบด้วย ประวัติส่วนตัว เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงที่ได้รับ และเหตุผลสำคัญที่ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
1. การแต่งตั้งย้อนหลัง
เนื่องจากปัจจุบันส่วนราชการต่าง ๆ สั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัดให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังยังลักลั่นกันอยู่ ทำให้ข้าราชการได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน ไม่เป็นธรรมแก่ข้าราชการโดยส่วนรวม ทั้งยังก่อให้เกิดความยุ่งยากในการควบคุมงบประมาณรายจ่ายหมวดเงินเดือน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งโยกย้ายให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งย้อนหลังนั้น ในทางปฏิบัติข้าราชการไม่อาจไปดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ตามวันที่ย้อนหลังไปนั้นได้คงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่งเดิม ย่อมเป็นการขัดกับข้อเท็จจริงและน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีที่กฎหมายได้กำหนดให้ข้าราชการนั้น ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในการอนุญาต อนุมัติ หรือสั่งการอันจะมีผลบังคับตามกฎหมายนั้น ๆ และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมไปแล้ว ต่อมาได้รับการแต่งตั้งย้อนหลังให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นอาจทำให้การปฏิบัติงานของข้าราชการผู้นั้นในตำแหน่งเดิมไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้ ฉะนั้น เพื่อให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติในเรื่องนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเพื่อให้เป็นไปได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นธรรมแก่ข้าราชการทุกประเภทและทุกฝ่าย จึงเห็นสมควรห้ามมิให้ส่วนราชการสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประเภทหรือฝ่ายใด ให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้นหรือระดับตำแหน่งสูงขึ้นนั้นอยู่แล้ว เว้นแต่
1.1 การเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งเดิมให้เป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นย้อนหลัง ก็ให้เลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้มีอำนาจกำหนดตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทหรือฝ่ายนั้น ๆ จะได้กำหนด และข้าราชการผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับการกำหนดเป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นนั้นอยู่แล้ว
1.2 กรณีที่ข้าราชการได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการหรือรักษาการในตำแหน่งนั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ให้แต่งตั้งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาการหรือรักษาการในตำแหน่งนั้น
1.3 สำหรับข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่หรือบรรจุกลับเข้ารับราชการก็ให้สั่งบรรจุและแต่งตั้งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้นั้นได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ เว้นแต่กรณีรับโอน
2. การแต่งตั้งล่วงหน้า การแต่งตั้งข้าราชการล่วงหน้าให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
2.1 กรณีที่ 1 การออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งที่ยังไม่ว่างในขณะที่ออกคำสั่งโดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลงแล้วนั้น สมควรให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่จำเป็น เช่น แต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือเป็นการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนผู้เกษียณอายุ หรือการแต่งตั้งแทนผู้ที่ขอลาออกจากราชการ และเป็นตำแหน่งที่จำเป็นต้องมีผู้ปฏิบัติงานต่อเนื่อง เป็นต้น โดยออกคำสั่งล่วงหน้าได้ไม่เกิน 2 เดือน หากมีความจำเป็นต้องออกคำสั่งล่วงหน้าเกินกำหนดเวลาดังกล่าว ก็ให้ขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปก่อน
2.2 กรณีที่ 2 ผู้มีอำนาจแต่งตั้งซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนจะต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ไม่พึงออกคำสั่งแต่งตั้งไว้ล่วงหน้า โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อผู้ออกคำสั่งพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้ว หากมีความจำเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการจำต้องออกคำสั่งแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าก็ให้ขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปก่อน
2.3 กรณีที่ 3 ผู้มีอำนาจแต่งตั้งไม่อาจออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนที่มีคุณสมบัติยังไม่ครบตามกฎหมายกำหนดไว้ให้ดำรงตำแหน่งใด ๆ เป็นการล่วงหน้า โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับเมื่อผู้ได้รับแต่งตั้งมีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะตามหลักการของการแต่งตั้งข้าราชการนั้น จะพิจารณาแต่งตั้งเมื่อมีตำแหน่งว่างและจะต้องพิจารณาแต่งตั้งจากผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับตำแหน่งนั้น ๆ แล้วเท่านั้น
3. วันที่ขอให้การแต่งตั้งมีผล
การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 ที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ และนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนอกเหนือจากข้อ 1 และ 2 หากไม่ใช่กรณีที่จำเป็นอย่างยิ่ง ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ยกเว้น
3.1 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทดแทนตำแหน่งของผู้ครบเกษียณอายุราชการ หากจะขอแต่งตั้งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกันยายน
3.2 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการที่ต้องประเมินบุคคลและผลงาน เช่น การแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ ระดับ 10 หรือ 11 หากจะขอแต่งตั้งให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่เสนอผลงาน หรือวันที่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการประเมินนั้น กำหนดให้กระทำได้โดยระบุวันที่มีผลให้ปรากฏชัดว่าเป็นการขอแต่งตั้งในกรณีดังกล่าว
3.3 การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่น เช่น กรณีย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน หรือรับโอน หรือขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ หรือทดแทนผู้ลาออก หรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่องค์กรกลางการบริการงานบุคคลกำหนด เป็นต้น หากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นในทางการบริหาร และจะขอแต่งตั้งให้มีผลล่วงหน้าหรือย้อนหลัง ให้กระทำได้โดยระบุวันที่ประสงค์จะให้มีผลแต่งตั้งพร้อมเหตุผลความจำเป็นให้ปรากฏชัดว่า เป็นการขอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผู้นั้นได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการแทน หรือรักษาการในตำแหน่งแล้วแต่กรณีตั้งแต่วันดังกล่าวด้วย (ทั้งนี้ เนื่องจากหลักการแต่งตั้งย้อนหลังจะแต่งตั้งได้ไม่ก่อนวันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนหรือรักษาราชการในตำแหน่ง)
3.4 การเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งเดิมให้เป็นชั้นหรือระดับสูงขึ้นย้อนหลัง ให้เลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งย้อนหลังไปได้ไม่ก่อนวันที่ผู้มีอำนาจกำหนดตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทหรือฝ่ายนั้น ๆ กำหนด และข้าราชการผู้นั้นต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับการกำหนดเป็นชั้นหรือระดับสูงนั้นอยู่แล้ว
3.5 สำหรับข้าราชการที่ได้รับการบรรจุใหม่ หรือบรรจุกลับเข้ารับราชการหรือการกลับเข้ารับราชการให้เสนอขอแต่งตั้งโดยให้มีผลในวันที่ส่วนราชการมีคำสั่งบรรจุใหม่หรือคำสั่งบรรจุกลับ หรือคำสั่งกลับเข้ารับราชการ
4. การแต่งตั้งและการให้พ้นจากตำแหน่ง
4.1 การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 ไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากระดับ 9 แต่ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 เพียงอย่างเดียว แต่หากแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 หรือ 11 จากตำแหน่งหนึ่งไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 อีกตำแหน่งหนึ่ง จะต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ยกเว้นการแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งระดับ 10 เพียงอย่างเดียว
4.2 การแต่งตั้งและการให้พ้นจากตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการใหม่ ย่อมทำให้ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการเดิมถูกยกเลิกไป และองค์กรกลางบริหารงานบุคคลนำไปกำหนดเป็นตำแหน่งใหม่ในส่วนราชการที่เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วก็ไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งเลขที่เดิมระดับเดียวกัน หากผู้ดำรงตำแหน่งยังเป็นคนเดิม ซึ่งผ่านกระบวนการแต่งตั้งมาครบสมบูรณ์ตามวิธีการและขั้นตอนที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนกำหนดแล้วว่า การจะแต่งตั้งผู้นั้นให้ดำรงตำแหน่งใหม่ไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติซ้ำอีก และไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เพียงแต่นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบเท่านั้น
อนึ่ง สำหรับข้าราชการต่างประเภท หากโอนมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 ต้องออกคำสั่งบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และออกคำสั่งให้ได้รับเงินเดือน นับตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
5. แบบรับรองประวัติ ให้ส่วนราชการกรอกข้อมูลข้าราชการที่ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเพื่อเลื่อนระดับให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 หรือ 11 ดังนี้
5.1 เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายและเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง โดยมีรายละเอียดประกอบด้วย
1) ตำแหน่งที่เสนอขอแต่งตั้ง
2) เหตุผลในการแต่งตั้ง
3) วันที่ขอให้การแต่งตั้งมีผล
4) ประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้ง
5) ตำแหน่งที่จะแต่งตั้งเป็นตำแหน่งมีเงื่อนไขหรือไม่
6) มีคำสั่งให้รักษาราชการแทน/รักษาการในตำแหน่งที่จะแต่งตั้งหรือไม่
7) กรณีแต่งตั้งในกระทรวงเดียวกัน
8) กรณีแต่งตั้งต่างกระทรวง
9) การรับรองว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย และเหมาะสมกับตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง
5.2 เพิ่มเติมแบบประวัติเพื่อประกอบการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นแบบประวัติผู้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ประกอบด้วย ประวัติส่วนตัว เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงที่ได้รับ และเหตุผลสำคัญที่ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-