คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจดทะเบียน และการนำเสนอตัวแบบการวิเคราะห์ข้อมูลการแก้ปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการในส่วนของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้
ผลการจดทะเบียน ที่ผ่านมาถึงวันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2547 มีผู้จดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1,891,838 คนและขอจดทะเบียนในปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 2,778,685 ปัญหา (1 คน สามารถจดทะเบียนได้มากกว่า 1 ปัญหา) แยกออกเป็น 3 พื้นที่ดำเนินการ ดังนี้
1. พื้นที่ 8 จังหวัดนำร่อง
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 794,784 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 1,149,414 ปัญหา
3) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 277,420 คน คิดเป็นร้อยละ10.71 ของประชากรทั้งจังหวัด
4) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนน้อยที่สุด คือ จังหวัดนครปฐม จำนวน 39,732 คน คิดเป็นร้อยละ 4.95ของประชากรทั้งจังหวัด
5) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 466,351 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 40.57 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 451,145 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 39.25 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 206,124 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 17.93 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
2. พื้นที่ 67 จังหวัดที่เหลือ
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 1,028,988 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 1,545,938 ปัญหา
3) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด คือ จังหวัดขอนแก่น จำนวน 43,292 คน คิดเป็นร้อยละ 2.45ของประชากรทั้งหมด
4) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนน้อยที่สุด คือ จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 1,833 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89 ของประชากรทั้งหมด
5) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 693,289 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 44.85 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 585,377 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 37.87 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 246,218 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 15.93 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
3. พื้นที่กรุงเทพมหานคร
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 68,066 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 83,333 ปัญหา
3) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 50,841 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 61.01 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 28,598 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 34.32 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 2,432 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 2.92 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
การวิเคราะห์ข้อมูล
กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครองสรุปการวิเคราะห์เบื้องต้น โดยใช้ฐานข้อมูลการจดทะเบียน ณ วันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2547 ดังต่อไปนี้
ภาพรวมของผู้ประสบปัญหา
1. ผู้ประสบปัญหามาจดทะเบียนทั้งสิ้น 952,667 คน คิดเป็นร้อยละ 1.52 ของประชากรทั้งประเทศส่วนมากร้อยละ 41.65 เป็นผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน รองลงมาประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ร้อยละ 33.04 และประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัยร้อยละ 23.38
2. ผู้ประสบปัญหาที่มาจดทะเบียนส่วนมากร้อยละ 96.56 มีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ที่รับจดทะเบียน และเป็นที่น่าสังเกตว่าในแต่ละครัวเรือน (ครัวเรือนตามทะเบียนบ้าน) ส่วนมากจะมีผู้ประสบปัญหามาจดทะเบียนมากกว่าครัวเรือนละ1 คน ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 6.57 เท่านั้น ที่ส่งตัวแทนของครัวเรือนมาจดทะเบียนคนเดียว
3. ผู้ประสบปัญหาที่มาจดทะเบียน ส่วนมากร้อยละ 64.89 มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือน 3 - 5 คน ส่วนมากร้อยละ 31.29 มีรายได้ (รายได้ของผู้ยื่นคำร้อง) 2,001 - 4,000 บาท/เดือน และส่วนมากร้อยละ 42.76 มีอาชีพเกษตรกรรม
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน
1. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 524,668 คน คิดเป็นร้อยละ 41.65 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ไม่มีที่ดินทำกินของตนเอง แต่ได้เช่า ยืม หรือรับจ้างทำการเกษตร จำนวน 176,611 คนคิดเป็นพื้นที่รวม 2,072,307 ไร่ (ส่วนมากเป็นการเช่า) มีที่ดินเป็นของตนเองแต่ไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ จำนวน 177,201 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 950,524 ไร่ ต้องการที่ดินทำกินเพิ่มรวม 2,217,877 ไร่ และมีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยขอใช้ที่ดินของรัฐ จำนวน 39,999 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 426,762 ไร่ และถือครองที่ดินของรัฐ จำนวน77,063 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 984,992 ไร่ (ส่วนมากเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ) โดยสรุปต้องการพื้นที่ทำกินรวมทั้งสิ้น3,629,631 ไร่
2. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินต้องการที่ทำกินเพิ่ม 5 - 10 ไร่ จำนวน 58,594 ราย (เนื้อที่ 574,007 ไร่) หรือคิดเป็นร้อยละ 33.07 ตั้งแต่ 15 ไร่ขึ้นไป 49,199 ราย (เนื้อที่ 1,154,257 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 27.76 ไม่เกิน5 ไร่ จำนวน 46,169 ราย (เนื้อที่ 143,776 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 26.05 และระหว่าง 10 - 15 ไร่ จำนวน 23,239 ราย(เนื้อที่ 345,835 ไร่) หรือคิดเป็นร้อยละ 13.11
3. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินที่มาจดทะเบียน ส่วนมากร้อยละ 27.23 ต้องการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในการทำสวน รองลงมาต้องการใช้ทำนาร้อยละ 21.53 และต้องการใช้ทำไร่ร้อยละ 18.65 อย่างไรก็ตามส่วนมากร้อยละ96.28 ยังไม่เคยขอรับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินจากหน่วยงานใด ๆ
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชน
1. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 416,250 คน คิดเป็นร้อยละ 33.04 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ ส่วนมากร้อยละ 60.98 เป็นหนี้สินในระบบ คือ หนี้สินกับกองทุนหมู่บ้าน ร้อยละ36.61 รองลงมาเป็นหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร้อยละ 26.78 หนี้สินกับสหกรณ์ฯ ร้อยละ12.15 หนี้สินกับแหล่งอื่น ๆ ร้อยละ 24.46 ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนทั้งหมด
2. เมื่อพิจารณาจากวงเงินที่มีหนี้สินในระบบพบว่า ผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนโดยรวมมีวงเงินหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สูงที่สุดจำนวน 9,348,465,482 บาท รองลงมาเป็นหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ฯ จำนวน 3,739,016,454 บาท และหนี้สินกับสหกรณ์ฯ จำนวน 3,211,630,930 บาท
3. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนที่มาจดทะเบียน มีหนี้สินนอกระบบ ร้อยละ 39.02 ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้มีวงเงินหนี้สินนอกระบบรวม 7,411,430,310 บาท โดยส่วนมากร้อยละ 27.50 เป็นการกู้จากผู้ให้กู้รายเดียว วงเงินหนี้สินรวม 4,223,635,260 บาท
4. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนที่มาจดทะเบียนวงเงินหนี้สินไม่ถึง 10,000 บาท มีจำนวน25,473 ราย หรือร้อยละ 10.44 แต่ส่วนมากร้อยละ 23.19 มีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 10,000 - 30,000 บาทรองลงมามีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 50,000 - 100,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 22.14 และมีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 30,000 - 50,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 16.44 และเมื่อรวมวงเงินหนี้สิน (ในระบบและนอกระบบ) ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียน ทั้งหมดพบว่ามีวงเงินหนี้สินโดยรวมถึง 31,374,600,651 บาท ทั้งนี้ ส่วนมากร้อยละ 23.29 ต้องการให้ความช่วยเหลือในการขยายเวลาชำระหนี้ รองลงมาต้องการให้หาแหล่งเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยถูกเพื่อชำระหนี้เดิม ร้อยละ 22.60 และต้องการให้จัดหาอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ ร้อยละ 22.08
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน
1. ผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจนมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 294,502 คน คิดเป็นร้อยละ 23.38 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ส่วนมาก ร้อยละ 49.01 พักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง และร้อยละ 24.74 เช่าที่อยู่อาศัยของเอกชน
2. เหตุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยนั้น ส่วนมากร้อยละ 21.89 อพยพย้ายที่ดินทำกินมาจากที่อื่น และเนื่องจากเหตุอื่น ๆ สูงถึงร้อยละ 70.79 โดยส่วนมากร้อยละ 46.32 ต้องการได้รับความช่วยเหลือในการซื้อบ้านราคาถูก รองลงมาร้อยละ 40.20 ต้องการที่ดินราคาถูกเพื่อปลูกบ้าน
ประมาณการการจดทะเบียน ในห้วงระยะเวลาที่เหลือ
ประมาณการจำนวนผู้จดทะเบียน ประมาณการว่าจะมีผู้จดทะเบียน 12 ล้านคน
ประมาณการปัญหา
- วงเงินหนี้สินทั้งระบบ คาดว่าจะประมาณ 480,000 ล้านบาท
- ที่ดินที่ประชาชนต้องการใช้ประโยชน์ คาดว่าจะประมาณ 36 ล้านไร่
- ผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัย คาดว่าจะประมาณ 2 ล้านคน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
ผลการจดทะเบียน ที่ผ่านมาถึงวันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2547 มีผู้จดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1,891,838 คนและขอจดทะเบียนในปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 2,778,685 ปัญหา (1 คน สามารถจดทะเบียนได้มากกว่า 1 ปัญหา) แยกออกเป็น 3 พื้นที่ดำเนินการ ดังนี้
1. พื้นที่ 8 จังหวัดนำร่อง
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 794,784 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 1,149,414 ปัญหา
3) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 277,420 คน คิดเป็นร้อยละ10.71 ของประชากรทั้งจังหวัด
4) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนน้อยที่สุด คือ จังหวัดนครปฐม จำนวน 39,732 คน คิดเป็นร้อยละ 4.95ของประชากรทั้งจังหวัด
5) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 466,351 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 40.57 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 451,145 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 39.25 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 206,124 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 17.93 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
2. พื้นที่ 67 จังหวัดที่เหลือ
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 1,028,988 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 1,545,938 ปัญหา
3) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด คือ จังหวัดขอนแก่น จำนวน 43,292 คน คิดเป็นร้อยละ 2.45ของประชากรทั้งหมด
4) จังหวัดที่มีผู้จดทะเบียนน้อยที่สุด คือ จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 1,833 คน คิดเป็นร้อยละ 0.89 ของประชากรทั้งหมด
5) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 693,289 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 44.85 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 585,377 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 37.87 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 246,218 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 15.93 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
3. พื้นที่กรุงเทพมหานคร
1) ผู้จดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 68,066 คน
2) ปัญหา รวมทั้งสิ้น 83,333 ปัญหา
3) ปัญหาที่มีผู้จดทะเบียนมากที่สุด เรียงลำดับ 3 ลำดับแรก คือ
- ปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน จำนวน 50,841 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 61.01 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 28,598 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 34.32 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
- ปัญหาที่ดินทำกิน จำนวน 2,432 ปัญหา คิดเป็นร้อยละ 2.92 ของจำนวนปัญหาทั้งหมด
การวิเคราะห์ข้อมูล
กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครองสรุปการวิเคราะห์เบื้องต้น โดยใช้ฐานข้อมูลการจดทะเบียน ณ วันศุกร์ที่ 9 มกราคม 2547 ดังต่อไปนี้
ภาพรวมของผู้ประสบปัญหา
1. ผู้ประสบปัญหามาจดทะเบียนทั้งสิ้น 952,667 คน คิดเป็นร้อยละ 1.52 ของประชากรทั้งประเทศส่วนมากร้อยละ 41.65 เป็นผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน รองลงมาประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ร้อยละ 33.04 และประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัยร้อยละ 23.38
2. ผู้ประสบปัญหาที่มาจดทะเบียนส่วนมากร้อยละ 96.56 มีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ที่รับจดทะเบียน และเป็นที่น่าสังเกตว่าในแต่ละครัวเรือน (ครัวเรือนตามทะเบียนบ้าน) ส่วนมากจะมีผู้ประสบปัญหามาจดทะเบียนมากกว่าครัวเรือนละ1 คน ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 6.57 เท่านั้น ที่ส่งตัวแทนของครัวเรือนมาจดทะเบียนคนเดียว
3. ผู้ประสบปัญหาที่มาจดทะเบียน ส่วนมากร้อยละ 64.89 มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือน 3 - 5 คน ส่วนมากร้อยละ 31.29 มีรายได้ (รายได้ของผู้ยื่นคำร้อง) 2,001 - 4,000 บาท/เดือน และส่วนมากร้อยละ 42.76 มีอาชีพเกษตรกรรม
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกิน
1. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 524,668 คน คิดเป็นร้อยละ 41.65 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ไม่มีที่ดินทำกินของตนเอง แต่ได้เช่า ยืม หรือรับจ้างทำการเกษตร จำนวน 176,611 คนคิดเป็นพื้นที่รวม 2,072,307 ไร่ (ส่วนมากเป็นการเช่า) มีที่ดินเป็นของตนเองแต่ไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ จำนวน 177,201 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 950,524 ไร่ ต้องการที่ดินทำกินเพิ่มรวม 2,217,877 ไร่ และมีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยขอใช้ที่ดินของรัฐ จำนวน 39,999 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 426,762 ไร่ และถือครองที่ดินของรัฐ จำนวน77,063 คน คิดเป็นพื้นที่รวม 984,992 ไร่ (ส่วนมากเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ) โดยสรุปต้องการพื้นที่ทำกินรวมทั้งสิ้น3,629,631 ไร่
2. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินต้องการที่ทำกินเพิ่ม 5 - 10 ไร่ จำนวน 58,594 ราย (เนื้อที่ 574,007 ไร่) หรือคิดเป็นร้อยละ 33.07 ตั้งแต่ 15 ไร่ขึ้นไป 49,199 ราย (เนื้อที่ 1,154,257 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 27.76 ไม่เกิน5 ไร่ จำนวน 46,169 ราย (เนื้อที่ 143,776 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 26.05 และระหว่าง 10 - 15 ไร่ จำนวน 23,239 ราย(เนื้อที่ 345,835 ไร่) หรือคิดเป็นร้อยละ 13.11
3. ผู้ประสบปัญหาที่ดินทำกินที่มาจดทะเบียน ส่วนมากร้อยละ 27.23 ต้องการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในการทำสวน รองลงมาต้องการใช้ทำนาร้อยละ 21.53 และต้องการใช้ทำไร่ร้อยละ 18.65 อย่างไรก็ตามส่วนมากร้อยละ96.28 ยังไม่เคยขอรับความช่วยเหลือเรื่องที่ดินทำกินจากหน่วยงานใด ๆ
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชน
1. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 416,250 คน คิดเป็นร้อยละ 33.04 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ ส่วนมากร้อยละ 60.98 เป็นหนี้สินในระบบ คือ หนี้สินกับกองทุนหมู่บ้าน ร้อยละ36.61 รองลงมาเป็นหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร้อยละ 26.78 หนี้สินกับสหกรณ์ฯ ร้อยละ12.15 หนี้สินกับแหล่งอื่น ๆ ร้อยละ 24.46 ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนทั้งหมด
2. เมื่อพิจารณาจากวงเงินที่มีหนี้สินในระบบพบว่า ผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนโดยรวมมีวงเงินหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สูงที่สุดจำนวน 9,348,465,482 บาท รองลงมาเป็นหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ฯ จำนวน 3,739,016,454 บาท และหนี้สินกับสหกรณ์ฯ จำนวน 3,211,630,930 บาท
3. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนที่มาจดทะเบียน มีหนี้สินนอกระบบ ร้อยละ 39.02 ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้มีวงเงินหนี้สินนอกระบบรวม 7,411,430,310 บาท โดยส่วนมากร้อยละ 27.50 เป็นการกู้จากผู้ให้กู้รายเดียว วงเงินหนี้สินรวม 4,223,635,260 บาท
4. ผู้ประสบปัญหาหนี้สินภาคประชาชนที่มาจดทะเบียนวงเงินหนี้สินไม่ถึง 10,000 บาท มีจำนวน25,473 ราย หรือร้อยละ 10.44 แต่ส่วนมากร้อยละ 23.19 มีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 10,000 - 30,000 บาทรองลงมามีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 50,000 - 100,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 22.14 และมีวงเงินหนี้สินโดยรวมระหว่าง 30,000 - 50,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 16.44 และเมื่อรวมวงเงินหนี้สิน (ในระบบและนอกระบบ) ของผู้ประสบปัญหาหนี้สินที่มาจดทะเบียน ทั้งหมดพบว่ามีวงเงินหนี้สินโดยรวมถึง 31,374,600,651 บาท ทั้งนี้ ส่วนมากร้อยละ 23.29 ต้องการให้ความช่วยเหลือในการขยายเวลาชำระหนี้ รองลงมาต้องการให้หาแหล่งเงินกู้ใหม่ดอกเบี้ยถูกเพื่อชำระหนี้เดิม ร้อยละ 22.60 และต้องการให้จัดหาอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ ร้อยละ 22.08
ข้อมูลผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน
1. ผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจนมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 294,502 คน คิดเป็นร้อยละ 23.38 ของผู้มาจดทะเบียนทั้งหมด ในจำนวนนี้ส่วนมาก ร้อยละ 49.01 พักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง และร้อยละ 24.74 เช่าที่อยู่อาศัยของเอกชน
2. เหตุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยนั้น ส่วนมากร้อยละ 21.89 อพยพย้ายที่ดินทำกินมาจากที่อื่น และเนื่องจากเหตุอื่น ๆ สูงถึงร้อยละ 70.79 โดยส่วนมากร้อยละ 46.32 ต้องการได้รับความช่วยเหลือในการซื้อบ้านราคาถูก รองลงมาร้อยละ 40.20 ต้องการที่ดินราคาถูกเพื่อปลูกบ้าน
ประมาณการการจดทะเบียน ในห้วงระยะเวลาที่เหลือ
ประมาณการจำนวนผู้จดทะเบียน ประมาณการว่าจะมีผู้จดทะเบียน 12 ล้านคน
ประมาณการปัญหา
- วงเงินหนี้สินทั้งระบบ คาดว่าจะประมาณ 480,000 ล้านบาท
- ที่ดินที่ประชาชนต้องการใช้ประโยชน์ คาดว่าจะประมาณ 36 ล้านไร่
- ผู้ประสบปัญหาที่อยู่อาศัย คาดว่าจะประมาณ 2 ล้านคน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-