เรื่อง ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2502 พ.ศ. …. (ให้บรรษัทฯ สามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 พ.ศ. …. (ให้บรรษัทฯ สามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ร่างพระราชกำหนดดังกล่าว เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 กำหนดให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์โดยตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ ดังนี้
1. ให้บรรษัทฯ สามารถดำเนินการควบกิจการได้โดยไม่ขัดกับหลักการจัดตั้งและวัตถุประสงค์ของบรรษัทฯ
2. กำหนดวิธีการควบกิจการโดยนำเอาวิธีการควบกิจการตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 และพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งในมาตรา 38 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ ให้ยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการควบกิจการด้วย
3. กำหนดให้โอนพนักงานขององค์กรที่ควบกันไปยังนิติบุคคลใหม่ที่เกิดจากการควบกิจการ
4. ในกรณีที่กระทรวงการคลังได้ค้ำประกันเงินกู้ของบรรษัทอยู่ก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับให้กระทรวงการคลังมีอำนาจค้ำประกันเงินกู้นั้นต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดอายุตามสัญญาค้ำประกัน โดยอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันก็ได้ เว้นแต่จะมีการตกลงกับเจ้าหนี้ให้ลดหรือปลดเปลื้องภาระการค้ำประกันของกระทรวงการคลังนั้น
5. เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนการควบกิจการของบรรษัทกับธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากันแล้ว ให้พระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมก่อนพระราชกำหนดนี้เป็นอันยกเลิกทั้งสิ้น
กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้การประกอบธุรกิจของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องมีแหล่งเงิน เครือข่ายสาขาปริมาณธุรกิจ และขยายขอบเขตธุรกิจ รวมทั้งต้นทุนในการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันได้ในระบบโดยมีฐานะและการดำเนินการที่มั่นคงและแข็งแกร่ง การควบกิจการเป็นมาตรการสำคัญในการดำเนินการดังกล่าว และเป็นการสร้างความมั่นคงแก่ระบบสถาบันการเงิน จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสามารถควบกิจการกับสถาบันการเงินอื่นโดยตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ได้โดยเร็ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 20 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
พ.ศ. 2502 พ.ศ. …. (ให้บรรษัทฯ สามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 พ.ศ. …. (ให้บรรษัทฯ สามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ร่างพระราชกำหนดดังกล่าว เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 กำหนดให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสามารถควบกิจการกับธนาคารพาณิชย์โดยตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ ดังนี้
1. ให้บรรษัทฯ สามารถดำเนินการควบกิจการได้โดยไม่ขัดกับหลักการจัดตั้งและวัตถุประสงค์ของบรรษัทฯ
2. กำหนดวิธีการควบกิจการโดยนำเอาวิธีการควบกิจการตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 และพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ซึ่งในมาตรา 38 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ ให้ยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการควบกิจการด้วย
3. กำหนดให้โอนพนักงานขององค์กรที่ควบกันไปยังนิติบุคคลใหม่ที่เกิดจากการควบกิจการ
4. ในกรณีที่กระทรวงการคลังได้ค้ำประกันเงินกู้ของบรรษัทอยู่ก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับให้กระทรวงการคลังมีอำนาจค้ำประกันเงินกู้นั้นต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดอายุตามสัญญาค้ำประกัน โดยอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันก็ได้ เว้นแต่จะมีการตกลงกับเจ้าหนี้ให้ลดหรือปลดเปลื้องภาระการค้ำประกันของกระทรวงการคลังนั้น
5. เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนการควบกิจการของบรรษัทกับธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากันแล้ว ให้พระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมก่อนพระราชกำหนดนี้เป็นอันยกเลิกทั้งสิ้น
กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้การประกอบธุรกิจของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องมีแหล่งเงิน เครือข่ายสาขาปริมาณธุรกิจ และขยายขอบเขตธุรกิจ รวมทั้งต้นทุนในการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันได้ในระบบโดยมีฐานะและการดำเนินการที่มั่นคงและแข็งแกร่ง การควบกิจการเป็นมาตรการสำคัญในการดำเนินการดังกล่าว และเป็นการสร้างความมั่นคงแก่ระบบสถาบันการเงิน จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสามารถควบกิจการกับสถาบันการเงินอื่นโดยตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ได้โดยเร็ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 20 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-