แท็ก
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจน และเห็นชอบให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) เป็นการเร่งด่วน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนตามปณิธานที่ตั้งไว้ และเพื่อบูรณาการแนวคิดในการดำเนินการของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติเสนอ
ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) เสนอว่า ได้จัดมีการประชุม ศตจ. มาแล้ว2 ครั้ง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2546 และวันที่ 23 ธันวาคม 2546 สรุปรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ ได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของความสมดุลพอดี และความพอประมาณอย่างมีเหตุผล ภายใต้ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"
2. เป้าหมาย
รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายที่จะขจัดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอันเกี่ยวกับความยากจนให้หมดสิ้นไป
ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบการจดทะเบียนปัญหาความเดือดร้อน/ความต้องการของประชาชน รวม 7 ประการ ได้แก่ ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาคนเร่ร่อน ปัญหาผู้ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ปัญหาการให้ความช่วยเหลือนักเรียน/นักศึกษาให้มีรายได้จากอาชีพที่เหมาะสม ปัญหาการถูกหลอกลวงปัญหาหนี้สินภาคประชาชน และปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน
นอกจากนี้ ศตจ. จะได้กำหนดให้ขจัดปัญหาอื่นที่เกี่ยวกับความยากจนเป็นการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย
3. ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน
3.1 ยุทธศาสตร์พระราชทาน : ศตจ. ได้เทอดหลักการพัฒนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทานไว้เหนือเกล้า และในฐานะข้าแผ่นดินจะมุ่งมั่นดำเนินการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท นำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด
3.2 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ : ศตจ. ได้ยึดกรอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2545 และยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) สรุปเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินการของ ศตจ. รวม 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1) แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่มีปณิธานอันแน่วแน่จะแก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไปและรณรงค์เสริมสร้างให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นว่า ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องที่สามารถร่วมกันแก้ไขได้
2) ขจัดปัญหาเร่งด่วนที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ ปัญหาเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติที่ทำกิน น้ำ ที่อยู่อาศัย และปัญหาเกี่ยวกับอาชีพและการมีงานทำ
3) แก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมายและระเบียบ และการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มิให้เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยมุ่งเน้นการสร้างเสริมนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาการอุตสาหกรรมการเกษตรและการบริการ
4) สร้างระบบคุ้มครองและประกันทางสังคมเพื่อส่งเสริมคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส และป้องกันมิให้ปัญหาความยากจนที่ได้รับการแก้ไขแล้ว กลับคืนมาอีก
5) พัฒนาระบบราชการในทุกระดับมิให้เป็นภาระต่อประชาชน ประเทศชาติ สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยยึดหลักการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
4. งบประมาณ
งบประมาณการแก้ไขปัญหาความยากจนปี 2547 มีจำนวนทั้งสิ้น 18,163,780,000 บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยหกสิบสามล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบและได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 13 กระทรวง/26 หน่วยงาน แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้
4.1 การเพิ่มศักยภาพและโอกาสคนจน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 6 กระทรวง 13 หน่วยงาน งบประมาณ 6,006,820,000 บาท
4.2 การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร มีหน่วยงานรับผิดชอบ 2 กระทรวง 3 หน่วยงาน งบประมาณ 6,825,920,000 บาท
4.3 การสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคนจน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 4 กระทรวง 7 หน่วยงาน งบประมาณ 4,644,700,000 บาท
4.4 การบรรเทาปัญหาว่างงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 1 กระทรวง 3 หน่วยงาน งบประมาณ 686,340,000 บาท
5. ภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการ
5.1 การส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 1/2546 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2546แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ มีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน และปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.2 การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำกิน น้ำ และที่อยู่อาศัย : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 2/2546 ลงวันที่13 ธันวาคม 2546 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประกอบอาชีพและที่อยู่อาศัย มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.3 การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 3/2546 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2546แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินความยากจน มีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานและปลัดกระทรวงการคลัง เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.4 การส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ซึ่ง ศตจ. จะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งโดยเฉพาะ
5.5 การปรับปรุงแก้ปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบและการปฏิบัติต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่ง ศตจ. จะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมารับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้
6. กลไกการดำเนินการ
ศตจ. ได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยจัดให้มีเจ้าภาพรับผิดชอบในทุกพื้นที่มีการทำงานในเชิงบูรณาการ ดังนี้
6.1 ระดับชาติ : ศตจ. และคณะอนุกรรมการเฉพาะด้านที่ ศตจ. แต่งตั้ง มีหน้าที่บูรณาการนโยบายและยุทธศาสตร์ในภาพรวม
6.2 ระดับกรุงเทพมหานคร : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนกรุงเทพมหานคร (ศตจ.กทม.) มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้อำนวยการ และปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับกรุงเทพมหานคร
6.3 ระดับจังหวัด : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนจังหวัด(ศตจ.จ.) มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้อำนวยการ และปลัดจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับจังหวัด
6.4 ระดับอำเภอ/กิ่งอำเภอ : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนอำเภอ/กิ่งอำเภอ (ศตจ.อ./กิ่ง อ.) มีนายอำเภอ/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เป็นผู้อำนวยการ และปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับอำเภอ/กิ่งอำเภอ
6.5 ระดับตำบล/เทศบาล/เขต : ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ๆ พิจารณาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ตามความจำเป็นที่เห็นสมควร รับผิดชอบการบูรณาการในระดับตำบล/เทศบาล/เขต
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานส่วนกลางที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความยากจน พิจารณาจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนของส่วนราชการนั้น ๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย เพื่อบูรณาการและกำกับดูแลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัด ให้เป็นไปตามที่ ศตจ. กำหนด โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนกระทรวงมหาดไทย (ศตจ.มท.) ทำหน้าที่บูรณาการกำกับการ และตรวจสอบติดตามการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนในพื้นที่ต่าง ๆ
7. Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน
ศตจ. ได้กำหนด Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนไว้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
7.1 ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2547) เป็นขั้นตอนการบูรณาการแนวคิด จดทะเบียน/สำรวจตรวจสอบ/วิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่สำคัญของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำกิน น้ำ ที่อยู่อาศัย และการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ
7.2 ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2548 - 2549) เป็นขั้นตอนการขยายผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ของประชาชนให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
7.3 ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2550 - 2551) เป็นขั้นตอนการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาความยากจนและปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
8. การอำนวยการของฝ่ายเลขานุการร่วม ศตจ.
ศตจ. ได้มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้เลขานุการร่วม ศตจ. รับผิดชอบดำเนินการ ดังนี้
8.1 ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง รับผิดชอบงานการติดตามการทำงาน และการรายงานผลการดำเนินการของ ศตจ.
8.2 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รับผิดชอบงานการกำหนดยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
8.3 รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบงานการติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาพรวมของ ศตจ.
8.4 ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รับผิดชอบงานการประสานการปฏิบัติของ ศตจ.กับองค์กรภาคประชาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) เสนอว่า ได้จัดมีการประชุม ศตจ. มาแล้ว2 ครั้ง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2546 และวันที่ 23 ธันวาคม 2546 สรุปรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ ได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของความสมดุลพอดี และความพอประมาณอย่างมีเหตุผล ภายใต้ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"
2. เป้าหมาย
รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายที่จะขจัดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอันเกี่ยวกับความยากจนให้หมดสิ้นไป
ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบการจดทะเบียนปัญหาความเดือดร้อน/ความต้องการของประชาชน รวม 7 ประการ ได้แก่ ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาคนเร่ร่อน ปัญหาผู้ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ปัญหาการให้ความช่วยเหลือนักเรียน/นักศึกษาให้มีรายได้จากอาชีพที่เหมาะสม ปัญหาการถูกหลอกลวงปัญหาหนี้สินภาคประชาชน และปัญหาที่อยู่อาศัยของคนจน
นอกจากนี้ ศตจ. จะได้กำหนดให้ขจัดปัญหาอื่นที่เกี่ยวกับความยากจนเป็นการเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย
3. ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน
3.1 ยุทธศาสตร์พระราชทาน : ศตจ. ได้เทอดหลักการพัฒนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระราชทานไว้เหนือเกล้า และในฐานะข้าแผ่นดินจะมุ่งมั่นดำเนินการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท นำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด
3.2 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ : ศตจ. ได้ยึดกรอบยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2545 และยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) สรุปเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินการของ ศตจ. รวม 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1) แสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่มีปณิธานอันแน่วแน่จะแก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไปและรณรงค์เสริมสร้างให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นว่า ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องที่สามารถร่วมกันแก้ไขได้
2) ขจัดปัญหาเร่งด่วนที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ ปัญหาเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติที่ทำกิน น้ำ ที่อยู่อาศัย และปัญหาเกี่ยวกับอาชีพและการมีงานทำ
3) แก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมายและระเบียบ และการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มิให้เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยมุ่งเน้นการสร้างเสริมนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาการอุตสาหกรรมการเกษตรและการบริการ
4) สร้างระบบคุ้มครองและประกันทางสังคมเพื่อส่งเสริมคนยากจนและผู้ด้อยโอกาส และป้องกันมิให้ปัญหาความยากจนที่ได้รับการแก้ไขแล้ว กลับคืนมาอีก
5) พัฒนาระบบราชการในทุกระดับมิให้เป็นภาระต่อประชาชน ประเทศชาติ สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยยึดหลักการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
4. งบประมาณ
งบประมาณการแก้ไขปัญหาความยากจนปี 2547 มีจำนวนทั้งสิ้น 18,163,780,000 บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยหกสิบสามล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบและได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 13 กระทรวง/26 หน่วยงาน แบ่งเป็น 4 ด้าน ดังนี้
4.1 การเพิ่มศักยภาพและโอกาสคนจน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 6 กระทรวง 13 หน่วยงาน งบประมาณ 6,006,820,000 บาท
4.2 การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร มีหน่วยงานรับผิดชอบ 2 กระทรวง 3 หน่วยงาน งบประมาณ 6,825,920,000 บาท
4.3 การสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคนจน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 4 กระทรวง 7 หน่วยงาน งบประมาณ 4,644,700,000 บาท
4.4 การบรรเทาปัญหาว่างงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน มีหน่วยงานรับผิดชอบ 1 กระทรวง 3 หน่วยงาน งบประมาณ 686,340,000 บาท
5. ภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการ
5.1 การส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 1/2546 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2546แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ มีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน และปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.2 การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำกิน น้ำ และที่อยู่อาศัย : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 2/2546 ลงวันที่13 ธันวาคม 2546 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประกอบอาชีพและที่อยู่อาศัย มีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) เป็นประธาน และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.3 การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน : ศตจ. ได้มีคำสั่งที่ 3/2546 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2546แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินความยากจน มีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานและปลัดกระทรวงการคลัง เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ
5.4 การส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ซึ่ง ศตจ. จะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งโดยเฉพาะ
5.5 การปรับปรุงแก้ปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การศึกษา กฎหมาย ระเบียบและการปฏิบัติต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่ง ศตจ. จะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมารับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้
6. กลไกการดำเนินการ
ศตจ. ได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยจัดให้มีเจ้าภาพรับผิดชอบในทุกพื้นที่มีการทำงานในเชิงบูรณาการ ดังนี้
6.1 ระดับชาติ : ศตจ. และคณะอนุกรรมการเฉพาะด้านที่ ศตจ. แต่งตั้ง มีหน้าที่บูรณาการนโยบายและยุทธศาสตร์ในภาพรวม
6.2 ระดับกรุงเทพมหานคร : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนกรุงเทพมหานคร (ศตจ.กทม.) มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้อำนวยการ และปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับกรุงเทพมหานคร
6.3 ระดับจังหวัด : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนจังหวัด(ศตจ.จ.) มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้อำนวยการ และปลัดจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับจังหวัด
6.4 ระดับอำเภอ/กิ่งอำเภอ : ศตจ. ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนอำเภอ/กิ่งอำเภอ (ศตจ.อ./กิ่ง อ.) มีนายอำเภอ/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ เป็นผู้อำนวยการ และปลัดอำเภอที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ รับผิดชอบการบูรณาการในระดับอำเภอ/กิ่งอำเภอ
6.5 ระดับตำบล/เทศบาล/เขต : ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ๆ พิจารณาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ตามความจำเป็นที่เห็นสมควร รับผิดชอบการบูรณาการในระดับตำบล/เทศบาล/เขต
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานส่วนกลางที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความยากจน พิจารณาจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนของส่วนราชการนั้น ๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย เพื่อบูรณาการและกำกับดูแลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัด ให้เป็นไปตามที่ ศตจ. กำหนด โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนกระทรวงมหาดไทย (ศตจ.มท.) ทำหน้าที่บูรณาการกำกับการ และตรวจสอบติดตามการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนในพื้นที่ต่าง ๆ
7. Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน
ศตจ. ได้กำหนด Roadmap การต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนไว้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
7.1 ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2547) เป็นขั้นตอนการบูรณาการแนวคิด จดทะเบียน/สำรวจตรวจสอบ/วิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่สำคัญของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำกิน น้ำ ที่อยู่อาศัย และการส่งเสริมอาชีพและการมีงานทำ
7.2 ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2548 - 2549) เป็นขั้นตอนการขยายผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ของประชาชนให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
7.3 ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2550 - 2551) เป็นขั้นตอนการสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาความยากจนและปัญหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
8. การอำนวยการของฝ่ายเลขานุการร่วม ศตจ.
ศตจ. ได้มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้เลขานุการร่วม ศตจ. รับผิดชอบดำเนินการ ดังนี้
8.1 ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง รับผิดชอบงานการติดตามการทำงาน และการรายงานผลการดำเนินการของ ศตจ.
8.2 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รับผิดชอบงานการกำหนดยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
8.3 รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย รับผิดชอบงานการติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาความยากจนในภาพรวมของ ศตจ.
8.4 ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รับผิดชอบงานการประสานการปฏิบัติของ ศตจ.กับองค์กรภาคประชาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-