คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเข้าร่วมมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
สำนักงาน ก.พ. เสนอว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ โดยไม่ครอบคลุมถึงข้าราชการพลเรือนในพระองค์ในสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการ เนื่องจากการพ้นจากราชการของข้าราชการพลเรือนในพระองค์เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
สำนักราชเลขาธิการได้ประสานเป็นการภายในกับสำนักงาน ก.พ. เพื่อเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
หลักเกณฑ์และแนวทางของมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 มีดังนี้
1. คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.1 เป็นข้าราชการประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
- ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
- ข้าราชการครูตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครู
- ข้าราชการธุรการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
- ข้าราชการตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการตำรวจ
- ข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร
สำหรับมาตรการที่ 3 มาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการได้กำหนดเพิ่มเติมให้ข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการเข้าร่วมมาตรการฯ ด้วย
1.2 คุณสมบัติเพิ่มเติมของแต่ละมาตรการฯ ได้แก่
มาตรการที่ 1 มาตรการสนับสนุนผู้ประสงค์จะเริ่มอาชีพใหม่นอกระบบราชการ หรือมาตรการชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 50 ปี ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการซึ่งไม่อยู่ในประกาศกำหนดของส่วนราชการให้เป็นงานหรือสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลน
- มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สำหรับข้าราชการฝ่ายพลเรือน และมีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป สำหรับข้าราชการทหาร หรือมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบ 25 ปี (ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ) นับถึงวันที่31 มีนาคม 2547
มาตรการที่ 2 มาตรการสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับระบบราชการ ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการผู้ซึ่งปฏิบัติงานในภารกิจที่มีการถ่ายโอนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภารกิจที่เกิดจากการปรับโครงสร้างส่วนราชการที่มีการโอนงานระหว่างหน่วยงาน
มาตรการที่ 3 มาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการผู้ได้รับการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในลำดับต่ำสุดร้อยละ 5 ของข้าราชการทั้งหมดในส่วนราชการที่สังกัด
ผู้เข้าร่วมมาตรการทั้ง 3 มาตรการ จะต้องมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป
2. สิทธิประโยชน์จูงใจ
มาตรการที่ 1 และมาตรการที่ 2
เงินก้อน = (8 + อายุราชการที่เหลือ (ปี)) X เงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)
มาตรการที่ 3
เลือกลาออกจากราชการหลังการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 1 จะได้รับ
เงินก้อน = (7+ อายุราชการที่เหลือ (ปี)) X เงินเดือนเดือนสุดท้าย (ไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง) แต่สูงสุดไม่เกิน 12 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
เลือกลาออกจากราชการหลังการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 2
เงินก้อน = 6 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย (ไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง)
ผู้เข้าร่วมมาตรการทั้ง 3 มาตรการยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ได้แก่ การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายบำเหน็จบำนาญ สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินก้อนและเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่กู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สิทธิประโยชน์ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (สำหรับมาตรการที่ 1 และ 2) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด สิทธิในการขอรับการพิจารณาจัดสรรเงินกู้ยืมจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธ.พ.ว.) และกระทรวงแรงงานสนับสนุนการจัดหางานในภาคเอกชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
สำนักงาน ก.พ. เสนอว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ โดยไม่ครอบคลุมถึงข้าราชการพลเรือนในพระองค์ในสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการ เนื่องจากการพ้นจากราชการของข้าราชการพลเรือนในพระองค์เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
สำนักราชเลขาธิการได้ประสานเป็นการภายในกับสำนักงาน ก.พ. เพื่อเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว และสำนักงาน ก.พ. ได้นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
หลักเกณฑ์และแนวทางของมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2546 มีดังนี้
1. คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.1 เป็นข้าราชการประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ข้าราชการพลเรือนสามัญตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
- ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
- ข้าราชการครูตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครู
- ข้าราชการธุรการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
- ข้าราชการตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการตำรวจ
- ข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร
สำหรับมาตรการที่ 3 มาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการได้กำหนดเพิ่มเติมให้ข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการเข้าร่วมมาตรการฯ ด้วย
1.2 คุณสมบัติเพิ่มเติมของแต่ละมาตรการฯ ได้แก่
มาตรการที่ 1 มาตรการสนับสนุนผู้ประสงค์จะเริ่มอาชีพใหม่นอกระบบราชการ หรือมาตรการชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 50 ปี ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการซึ่งไม่อยู่ในประกาศกำหนดของส่วนราชการให้เป็นงานหรือสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลน
- มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สำหรับข้าราชการฝ่ายพลเรือน และมีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป สำหรับข้าราชการทหาร หรือมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบ 25 ปี (ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ) นับถึงวันที่31 มีนาคม 2547
มาตรการที่ 2 มาตรการสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับระบบราชการ ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการผู้ซึ่งปฏิบัติงานในภารกิจที่มีการถ่ายโอนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภารกิจที่เกิดจากการปรับโครงสร้างส่วนราชการที่มีการโอนงานระหว่างหน่วยงาน
มาตรการที่ 3 มาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบราชการ ผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการจะต้อง
- เป็นข้าราชการผู้ได้รับการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในลำดับต่ำสุดร้อยละ 5 ของข้าราชการทั้งหมดในส่วนราชการที่สังกัด
ผู้เข้าร่วมมาตรการทั้ง 3 มาตรการ จะต้องมีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป
2. สิทธิประโยชน์จูงใจ
มาตรการที่ 1 และมาตรการที่ 2
เงินก้อน = (8 + อายุราชการที่เหลือ (ปี)) X เงินเดือนเดือนสุดท้ายรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี)
มาตรการที่ 3
เลือกลาออกจากราชการหลังการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 1 จะได้รับ
เงินก้อน = (7+ อายุราชการที่เหลือ (ปี)) X เงินเดือนเดือนสุดท้าย (ไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง) แต่สูงสุดไม่เกิน 12 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
เลือกลาออกจากราชการหลังการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 2
เงินก้อน = 6 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย (ไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง)
ผู้เข้าร่วมมาตรการทั้ง 3 มาตรการยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ได้แก่ การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายบำเหน็จบำนาญ สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินก้อนและเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่กู้จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สิทธิประโยชน์ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (สำหรับมาตรการที่ 1 และ 2) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด สิทธิในการขอรับการพิจารณาจัดสรรเงินกู้ยืมจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธ.พ.ว.) และกระทรวงแรงงานสนับสนุนการจัดหางานในภาคเอกชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-