คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….ตามที่สำนักงาน ป.ป.ง. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนัก-งบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณา แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. รับประเด็นอภิปรายเกี่ยวกับความเหมาะสมสำหรับระดับตำแหน่งของเลขาธิการ ป.ป.ง. ไปพิจารณาด้วย
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขบทนิยามคำว่า "ความผิดมูลฐาน" โดยให้รวมถึงความผิดเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติความผิดเกี่ยวกับการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ความผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธ ความผิดเกี่ยวกับการสมยอมในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และความผิดเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
2. แก้ไขบทนิยามคำว่า "ทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด" โดยให้รวมถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้การกระทำความผิดด้วย
3. แก้ไขบทนิยามคำว่า "สถาบันการเงิน" โดยให้หมายความถึงสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
4. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่กระทำความผิดตามหมวดนี้ให้ได้รับโทษสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
5. ให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีหรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือร่วมในการปฏิบัติหน้าที่อื่นที่มีลักษณะการปฏิบัติงานเสี่ยงภัยถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษในการได้รับเงินเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยให้เลขาธิการประกาศกำหนดตำแหน่งและระดับที่จะถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
6. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการ ป.ป.ง. และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
7. กำหนดให้คณะกรรมการธุรกรรมและเลขาธิการมีอำนาจยับยั้งการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
8. ในกรณีศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน ให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินให้แก่กองทุนจำนวนร้อยละห้าสิบของมูลค่าทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
9. กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินประเดิมแรกตั้งไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านบาทและมีทรัพย์สินตามที่กำหนด โดยให้ทรัพย์สินของกองทุนเป็นของสำนักงานโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และให้กองทุนมีอำนาจพิจารณากำหนดค่าตอบแทนพิเศษแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขบทนิยามคำว่า "ความผิดมูลฐาน" โดยให้รวมถึงความผิดเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติความผิดเกี่ยวกับการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ความผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธ ความผิดเกี่ยวกับการสมยอมในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และความผิดเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
2. แก้ไขบทนิยามคำว่า "ทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด" โดยให้รวมถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้การกระทำความผิดด้วย
3. แก้ไขบทนิยามคำว่า "สถาบันการเงิน" โดยให้หมายความถึงสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์
4. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่กระทำความผิดตามหมวดนี้ให้ได้รับโทษสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
5. ให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีหรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือร่วมในการปฏิบัติหน้าที่อื่นที่มีลักษณะการปฏิบัติงานเสี่ยงภัยถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษในการได้รับเงินเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยให้เลขาธิการประกาศกำหนดตำแหน่งและระดับที่จะถือเป็นตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ
6. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการ ป.ป.ง. และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
7. กำหนดให้คณะกรรมการธุรกรรมและเลขาธิการมีอำนาจยับยั้งการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
8. ในกรณีศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน ให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินให้แก่กองทุนจำนวนร้อยละห้าสิบของมูลค่าทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
9. กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินประเดิมแรกตั้งไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านบาทและมีทรัพย์สินตามที่กำหนด โดยให้ทรัพย์สินของกองทุนเป็นของสำนักงานโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และให้กองทุนมีอำนาจพิจารณากำหนดค่าตอบแทนพิเศษแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-