คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม (Memorandum of Understanding between the Governments of the Member Countries of the Association of Southeast Asian Nations and the Government of the People's Republic of China on Cultural Cooperation) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอและให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม
พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลไทยและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 2 ให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฉบับสุดท้าย โดยหากจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย
ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในด้านวัฒนธรรม
2. ขอบเขตความร่วมมือ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรมทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ (Tangible and Intangible) ตามกฎหมาย กฎระเบียบ นโยบาย แนวทางการบริหารจัดการและวิธีการของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่า รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรัฐบาลไทยนำโดยนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ครบ 30 ปี ในปี พ.ศ. 2548 ดังนั้นจึงควรที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบพหุภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนความร่วมมืออาเซียน-จีน และจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะเป็นผู้ดำเนินการโครงการ โดยฝ่ายจีนเสนอให้มีการลงนามในแผนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ ฯ สำหรับช่วงปี พ.ศ. 2549 - 2550 ในการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย (Asia Cultural Ministers' Forum) ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ในชั้นนี้จึงยังไม่เกิดผลกระทบต่อการเงินและงบประมาณ และการเข้าร่วมในบันทึกความเข้าใจฯ ไม่มีข้อขัดกับกฎหมายไทยและประเทศไทยไม่จำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายเพิ่มเติม หรือแก้ไขกฎหมาย หรือข้อบังคับภายในประเทศ เพื่ออนุวัตรให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวข้างต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--
พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของรัฐบาลไทยและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 2 ให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฉบับสุดท้าย โดยหากจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย
ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในด้านวัฒนธรรม
2. ขอบเขตความร่วมมือ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรมทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ (Tangible and Intangible) ตามกฎหมาย กฎระเบียบ นโยบาย แนวทางการบริหารจัดการและวิธีการของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่า รัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรัฐบาลไทยนำโดยนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ครบ 30 ปี ในปี พ.ศ. 2548 ดังนั้นจึงควรที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบพหุภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนความร่วมมืออาเซียน-จีน และจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะเป็นผู้ดำเนินการโครงการ โดยฝ่ายจีนเสนอให้มีการลงนามในแผนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ ฯ สำหรับช่วงปี พ.ศ. 2549 - 2550 ในการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย (Asia Cultural Ministers' Forum) ในเดือนพฤศจิกายน 2548 ในชั้นนี้จึงยังไม่เกิดผลกระทบต่อการเงินและงบประมาณ และการเข้าร่วมในบันทึกความเข้าใจฯ ไม่มีข้อขัดกับกฎหมายไทยและประเทศไทยไม่จำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายเพิ่มเติม หรือแก้ไขกฎหมาย หรือข้อบังคับภายในประเทศ เพื่ออนุวัตรให้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าวข้างต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--