คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการตรึงราคาน้ำมันตามนโยบายของรัฐบาล ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ตามที่นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2547 ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นไป นั้น
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยให้จ่ายเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ผลการดำเนินงาน มีดังนี้
ในช่วงแรก ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงสุด ในวันที่ 11 มกราคม 2547 ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกประเทศไทยของน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ที่ควรจะเป็นอยู่ในระดับ 19.88, 19.21 และ 15.62บาท/ลิตร ตามลำดับ สูงกว่าราคาขายปลีกที่รัฐตรึงไว้ 2.89, 3.02 และ 1.03 บาท/ลิตร ตามลำดับ จำนวนเงินชดเชยรวม104.7 ล้านบาท/วัน โดยแยกเป็นเงินชดเชยน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ประมาณ 22.9, 35.5 และ46.3 ล้านบาท/วัน ตามลำดับ
ปัจจุบัน ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซิน 95 ได้ลดลงต่ำกว่าระดับราคาขายปลีกที่รัฐตรึงไว้ประมาณ 0.10 บาท/ลิตร (ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547) ราคาขายปลีกประเทศไทยของน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ที่ควรจะเป็นลดลงมาอยู่ในระดับ 16.89, 16.20 และ 15.00 บาท/ลิตร ตามลำดับโดยในส่วนของน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เริ่มมีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 0.77 ล้านบาท/วัน สำหรับน้ำมันเบนซินออกเทน 91 และดีเซลหมุนเร็ว ยังคงจ่ายชดเชยประมาณ 0.17 และ 18.54 ล้านบาท/วัน ตามลำดับ กองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยสุทธิ 17.94 ล้านบาท/วัน
ตั้งแต่รัฐบาลตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2547 จนถึง 9 กุมภาพันธ์ 2547รวม 31 วัน มีจำนวนเงินชดเชยสะสมทั้งสิ้น 1,809 ล้านบาท แยกเป็นเงินชดเชยน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็วประมาณ 286, 470 และ 1,053 ล้านบาท ตามลำดับ
มาตรการรณรงค์ประหยัดน้ำมัน กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ "โครงการนาทีละหนึ่งแสน" เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่รัฐได้ชดเชยสูงสุดเท่ากับ 1 แสนบาทต่อนาที หรือ 100 ล้านบาทต่อวัน โดยการติดป้ายผ้า (Banner) "100,000 บาทต่อนาที หนี้ที่คุณต้องจ่ายคืน ประหยัดน้ำมันให้ชาติเพิ่มเงินบาทให้คุณ" และรณรงค์ในสถานีบริการน้ำมัน ตลอดจนการจัดพิมพ์คู่มือรวมพลังหยุดรถซดน้ำมันจำนวน 150,000 เล่มแจกให้ประชาชนและผู้ใช้รถยนต์ตามสถานีบริการน้ำมันทั่วกรุงเทพและปริมณฑล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
ตามที่นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2547 ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นไป นั้น
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยให้จ่ายเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นไป ผลการดำเนินงาน มีดังนี้
ในช่วงแรก ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงสุด ในวันที่ 11 มกราคม 2547 ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกประเทศไทยของน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ที่ควรจะเป็นอยู่ในระดับ 19.88, 19.21 และ 15.62บาท/ลิตร ตามลำดับ สูงกว่าราคาขายปลีกที่รัฐตรึงไว้ 2.89, 3.02 และ 1.03 บาท/ลิตร ตามลำดับ จำนวนเงินชดเชยรวม104.7 ล้านบาท/วัน โดยแยกเป็นเงินชดเชยน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ประมาณ 22.9, 35.5 และ46.3 ล้านบาท/วัน ตามลำดับ
ปัจจุบัน ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซิน 95 ได้ลดลงต่ำกว่าระดับราคาขายปลีกที่รัฐตรึงไว้ประมาณ 0.10 บาท/ลิตร (ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547) ราคาขายปลีกประเทศไทยของน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็ว ที่ควรจะเป็นลดลงมาอยู่ในระดับ 16.89, 16.20 และ 15.00 บาท/ลิตร ตามลำดับโดยในส่วนของน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เริ่มมีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 0.77 ล้านบาท/วัน สำหรับน้ำมันเบนซินออกเทน 91 และดีเซลหมุนเร็ว ยังคงจ่ายชดเชยประมาณ 0.17 และ 18.54 ล้านบาท/วัน ตามลำดับ กองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยสุทธิ 17.94 ล้านบาท/วัน
ตั้งแต่รัฐบาลตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2547 จนถึง 9 กุมภาพันธ์ 2547รวม 31 วัน มีจำนวนเงินชดเชยสะสมทั้งสิ้น 1,809 ล้านบาท แยกเป็นเงินชดเชยน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็วประมาณ 286, 470 และ 1,053 ล้านบาท ตามลำดับ
มาตรการรณรงค์ประหยัดน้ำมัน กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ "โครงการนาทีละหนึ่งแสน" เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่รัฐได้ชดเชยสูงสุดเท่ากับ 1 แสนบาทต่อนาที หรือ 100 ล้านบาทต่อวัน โดยการติดป้ายผ้า (Banner) "100,000 บาทต่อนาที หนี้ที่คุณต้องจ่ายคืน ประหยัดน้ำมันให้ชาติเพิ่มเงินบาทให้คุณ" และรณรงค์ในสถานีบริการน้ำมัน ตลอดจนการจัดพิมพ์คู่มือรวมพลังหยุดรถซดน้ำมันจำนวน 150,000 เล่มแจกให้ประชาชนและผู้ใช้รถยนต์ตามสถานีบริการน้ำมันทั่วกรุงเทพและปริมณฑล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-