คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการประมวลผลความคิดเห็นของประชาชนและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นที่สนใจของประชาชนและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากประชาชน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดังนี้
1. มอบหมายให้นายอำเภอ ปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ประชุมชี้แจงประชาคมตำบล หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ความเป็นมาของการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นที่มาของการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 ในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นที่จะพิจารณาปรับปรุงแก้ไข และผลดี ผลเสีย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
2. จัดทำแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ สุ่มสอบถามจากประชาชนที่มาร่วมประชุมประชาคม จำนวน 73,781 หมู่บ้าน ๆ ละ 15 ชุด และสอบถามจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกคน จำนวน 73,781 ชุด รวมแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,180,496 ชุด โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ แล้วปิดผนึกแบบสอบถามส่งกลับมาบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์แต่ละอำเภอ เพื่อนำไปประมวลผลข้อมูลโดยส่วนกลางต่อไป ทั้งนี้ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2547
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 ส่งเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา ซึ่งได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องนี้ โดยมีเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธาน ผลการศึกษามีข้อปรับปรุง ดังนี้
1. ปรับปรุงบทบาท ภารกิจ อำนาจ และหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ชัดเจนเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของ อบต.
2. เปลี่ยนวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก "การเลือก" เป็นระบบสรรหา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนภาคประชาชน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนเท่า ๆ กัน ทำหน้าที่กลั่นกรอง
3. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อยู่ในวาระ 10 ปี ต่อเนื่องกัน แต่ต้องอายุไม่เกิน60 ปี โดยมีการประเมินผลการปฏิบัติงานทุก 5 ปี
ต่อมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2547 และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบางส่วนของข้อเสนอ อาทิเช่น การเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ใช้วิธีการสรรหา เป็นต้น
และประเด็นดังกล่าวได้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้าสู่ตำแหน่งของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ควรใช้วิธีการ "เลือก" ดังเช่นที่ใช้ในปัจจุบัน หรือใช้การ "สรรหา" ซึ่งเป็นข้อเสนอใหม่ โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย ดังนี้ (วิธีสรรหา คือ ให้นายอำเภอประชุมราษฎรในตำบล หมู่บ้าน เลือกกรรมการสรรหาภาคประชาชน และผู้ทรงคุณวุฒิ ฝ่ายละ 3 คน นายอำเภอแต่งตั้งภาคราชการ 3 คน รวม 9 คน มาประชุมตรวจสอบความประพฤติ คุณสมบัติส่วนตัว แล้วลงคะแนนเลือกผู้สมควรได้เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เสนอผ่านนายอำเภอส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งต่อไป)
วิธีการ "เลือก" กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ข้อดี ข้อเสีย1. ให้โอกาสประชาชนเลือกคนที่ตัวเองไว้วางใจมากที่สุด 1. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องห่วงใยฐานะคะแนนเสียง 2. ทำให้เกิดการแข่งขันทำความดี เพื่อได้รับเลือกใหม่อีก ต้องคอยเอาใจราษฎรมากกว่า3. กระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการเมือง 2. การขจัดทุกข์ของราษฎรอันเกิดจากผู้มีอิทธิพลทำได้
การปกครอง ยากขึ้น
3. ต้องคอยหาเสียงสนับสนุน บางครั้งเป็นไปในทางที่ผิด
4. ผิดหลักการที่ว่าตัวแทนภาครัฐควรมาจากการแต่งตั้ง
ไม่ใช่มาจากการเลือกตั้ง
วิธีการ "สรรหา" กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ข้อดี ข้อเสีย 1. ราษฎรจะได้รับประโยชน์สุขจากการทำงานของกำนัน 1. ประชาชนไม่มีโอกาสเลือกผู้นำโดยตรง
ผู้ใหญ่บ้าน อย่างเต็มที่ไม่ต้องคำนึงถึงคะแนนเสียง 2. อาจเกิดการเล่นพรรคเล่นพวก2. ได้คนดี มีความรู้ ความสามารถมาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 3. ได้คนดี มีความรู้ ความสามารถมาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน3. ราษฎรในหมู่บ้านไม่แตกแยกเป็นกลุ่มย่อยๆ และขาดความใกล้ชิดกับประชาชน4. แยกงานปกครองท้องถิ่น และปกครองท้องที่ออกจากกัน
โดยชัดเจน
จากการที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นของหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง กระทรวงมหาดไทย จึงได้ขอถอนเรื่องดังกล่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อมารับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนและผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ แล้วประมวลความเห็นเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นที่สนใจของประชาชนและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากประชาชน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดังนี้
1. มอบหมายให้นายอำเภอ ปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ประชุมชี้แจงประชาคมตำบล หมู่บ้าน ทุกแห่ง ให้ทราบถึงข้อเท็จจริง ความเป็นมาของการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ซึ่งเป็นที่มาของการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 ในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นที่จะพิจารณาปรับปรุงแก้ไข และผลดี ผลเสีย เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
2. จัดทำแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ สุ่มสอบถามจากประชาชนที่มาร่วมประชุมประชาคม จำนวน 73,781 หมู่บ้าน ๆ ละ 15 ชุด และสอบถามจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกคน จำนวน 73,781 ชุด รวมแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,180,496 ชุด โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ แล้วปิดผนึกแบบสอบถามส่งกลับมาบันทึกข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์แต่ละอำเภอ เพื่อนำไปประมวลผลข้อมูลโดยส่วนกลางต่อไป ทั้งนี้ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2547
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 ส่งเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา ซึ่งได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาเรื่องนี้ โดยมีเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธาน ผลการศึกษามีข้อปรับปรุง ดังนี้
1. ปรับปรุงบทบาท ภารกิจ อำนาจ และหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ชัดเจนเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของ อบต.
2. เปลี่ยนวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จาก "การเลือก" เป็นระบบสรรหา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยคณะกรรมการ 3 ฝ่าย คือ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนภาคประชาชน และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนเท่า ๆ กัน ทำหน้าที่กลั่นกรอง
3. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อยู่ในวาระ 10 ปี ต่อเนื่องกัน แต่ต้องอายุไม่เกิน60 ปี โดยมีการประเมินผลการปฏิบัติงานทุก 5 ปี
ต่อมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2547 และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบางส่วนของข้อเสนอ อาทิเช่น การเข้าสู่ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ใช้วิธีการสรรหา เป็นต้น
และประเด็นดังกล่าวได้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้าสู่ตำแหน่งของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ควรใช้วิธีการ "เลือก" ดังเช่นที่ใช้ในปัจจุบัน หรือใช้การ "สรรหา" ซึ่งเป็นข้อเสนอใหม่ โดยแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย ดังนี้ (วิธีสรรหา คือ ให้นายอำเภอประชุมราษฎรในตำบล หมู่บ้าน เลือกกรรมการสรรหาภาคประชาชน และผู้ทรงคุณวุฒิ ฝ่ายละ 3 คน นายอำเภอแต่งตั้งภาคราชการ 3 คน รวม 9 คน มาประชุมตรวจสอบความประพฤติ คุณสมบัติส่วนตัว แล้วลงคะแนนเลือกผู้สมควรได้เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เสนอผ่านนายอำเภอส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งต่อไป)
วิธีการ "เลือก" กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ข้อดี ข้อเสีย1. ให้โอกาสประชาชนเลือกคนที่ตัวเองไว้วางใจมากที่สุด 1. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องห่วงใยฐานะคะแนนเสียง 2. ทำให้เกิดการแข่งขันทำความดี เพื่อได้รับเลือกใหม่อีก ต้องคอยเอาใจราษฎรมากกว่า3. กระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวและมีส่วนร่วมทางการเมือง 2. การขจัดทุกข์ของราษฎรอันเกิดจากผู้มีอิทธิพลทำได้
การปกครอง ยากขึ้น
3. ต้องคอยหาเสียงสนับสนุน บางครั้งเป็นไปในทางที่ผิด
4. ผิดหลักการที่ว่าตัวแทนภาครัฐควรมาจากการแต่งตั้ง
ไม่ใช่มาจากการเลือกตั้ง
วิธีการ "สรรหา" กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ข้อดี ข้อเสีย 1. ราษฎรจะได้รับประโยชน์สุขจากการทำงานของกำนัน 1. ประชาชนไม่มีโอกาสเลือกผู้นำโดยตรง
ผู้ใหญ่บ้าน อย่างเต็มที่ไม่ต้องคำนึงถึงคะแนนเสียง 2. อาจเกิดการเล่นพรรคเล่นพวก2. ได้คนดี มีความรู้ ความสามารถมาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 3. ได้คนดี มีความรู้ ความสามารถมาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน3. ราษฎรในหมู่บ้านไม่แตกแยกเป็นกลุ่มย่อยๆ และขาดความใกล้ชิดกับประชาชน4. แยกงานปกครองท้องถิ่น และปกครองท้องที่ออกจากกัน
โดยชัดเจน
จากการที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นของหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง กระทรวงมหาดไทย จึงได้ขอถอนเรื่องดังกล่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อมารับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนและผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่าง ๆ แล้วประมวลความเห็นเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-