คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องงบประมาณสนับสนุนการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายก-รัฐมนตรี และวิธีการดำเนินการ
2. อนุมัติงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนประเภททั่วไป จำนวน 70 ล้านบาท จากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพื่อสนับสนุนโครงการตามข้อ 1 โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยเบิกจ่าย และเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามข้อเสนอของที่ประชุมเพื่อปรึกษาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. กรมบัญชีกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อวางกรอบแนวทาง หลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติ พร้อมทั้งได้ปรับโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้
ขอตั้งงบประมาณในวงเงิน 70,000,000 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2547 สนับสนุนการเพิ่มขีดสมรรถนะในการปฏิบัติงานของรองนายกรัฐมนตรี ให้มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ และงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน พัฒนาระบบงานและระบบการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับติดตามและประเมินผล โดยแยกเป็น
1. งบประมาณสำหรับจ้างบุคลากรประจำสำนักงานรองนายกรัฐมนตรี โดยขออนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีจัดจ้างบุคลากรใน 2 ลักษณะ
1) การจ้างที่ปรึกษาในลักษณะการจ้างแรงงาน ซึ่งกระทรวงการคลังได้เคยอนุมัติให้ดำเนินการจ้างผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญในงานและโครงการ โดยจ่ายค่าตอบแทนผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติงานเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในลักษณะการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำในลักษณะจ้างแรงงานในงาน/โครงการต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในอัตราจ้างไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน งานและโครงการละไม่เกิน 2,000,000 บาท
2) การจ้างพนักงานราชการ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งจัดจ้างพนักงานราชการได้ 2 ประเภท ดังนี้ พนักงานราชการประเภททั่วไป พนักงานราชการประเภทพิเศษ
สำหรับการจ้างบุคลากรที่เป็นพนักงานราชการเพื่อช่วยปฏิบัติงานรองนายกรัฐมนตรี ควรประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระดับสูง (specialist/expert) อัตราจ้างไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อเดือน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ (analyst) และเจ้าหน้าที่บริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT manager) อัตราจ้างไม่เกิน50,000 บาทต่อคนต่อเดือน เจ้าหน้าที่ประสานงาน (coordinator) และเจ้าหน้าที่ด้านระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT personnel) อัตราจ้างไม่เกิน 20,000 บาทต่อคนต่อเดือน หรือการจ้างบุคลากรด้านอื่น ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนจะพิจารณาเห็นสมควร โดยกำหนดจำนวนบุคลากรที่จะจ้างมาช่วยงานรองนายกรัฐมนตรีในทุกประเภทไม่เกิน7 คน ต่อรองนายกรัฐมนตรี 1 คน
ทั้งนี้ การจ้างบุคลากรประจำรองนายกรัฐมนตรีตาม 1) และ 2) จะสิ้นสุดสัญญาจ้างเมื่อรองนายก-รัฐมนตรีแต่ละคนพ้นจากตำแหน่ง ส่วนการจ้างบุคลากรประจำ ส.อปภ. จำนวนไม่เกิน 5 ตำแหน่งนั้น เป็นการจ้างลูกจ้างชั่วคราวโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามฯ โดยอัตราจ้างจะพิจารณาตามคุณวุฒิของแต่ละตำแหน่ง
2. งบประมาณเพื่อวางระบบการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวม 8 ชุด สำหรับรองนายกรัฐมนตรี7 ชุด และ ส.อปภ. 1 ชุด
3. งบประมาณด้านพัฒนาบุคลากร (in-house training) สำหรับพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้แก่ผู้ปฏิบัติงานประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเลขานุการและเจ้าหน้าที่สนับสนุนการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของจังหวัดผู้รับและส่งข้อมูล เป็นต้น
4. งบประมาณการเดินทางไปตรวจราชการ การกำกับติดตามงานในพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ การจัดประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดที่รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน การจัดประชุมสัมมนาการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จัดไว้สำหรับเป็นงบสำรองจ่ายในการบริหารงานของรองนายกรัฐมนตรีกรณีจำเป็นฉุกเฉินในวงเงินคนละประมาณ 4 - 6 ล้านบาท
อนึ่ง งบประมาณของโครงการจะตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ส.อปภ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรีในการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยเบิกจ่าย และสนับสนุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความประสงค์ของรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
1. อนุมัติโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายก-รัฐมนตรี และวิธีการดำเนินการ
2. อนุมัติงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนประเภททั่วไป จำนวน 70 ล้านบาท จากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพื่อสนับสนุนโครงการตามข้อ 1 โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยเบิกจ่าย และเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตามข้อเสนอของที่ประชุมเพื่อปรึกษาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. กรมบัญชีกลาง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อวางกรอบแนวทาง หลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติ พร้อมทั้งได้ปรับโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการของรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้
ขอตั้งงบประมาณในวงเงิน 70,000,000 บาท (เจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2547 สนับสนุนการเพิ่มขีดสมรรถนะในการปฏิบัติงานของรองนายกรัฐมนตรี ให้มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ และงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินงาน พัฒนาระบบงานและระบบการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับติดตามและประเมินผล โดยแยกเป็น
1. งบประมาณสำหรับจ้างบุคลากรประจำสำนักงานรองนายกรัฐมนตรี โดยขออนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีจัดจ้างบุคลากรใน 2 ลักษณะ
1) การจ้างที่ปรึกษาในลักษณะการจ้างแรงงาน ซึ่งกระทรวงการคลังได้เคยอนุมัติให้ดำเนินการจ้างผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญในงานและโครงการ โดยจ่ายค่าตอบแทนผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติงานเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในลักษณะการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำในลักษณะจ้างแรงงานในงาน/โครงการต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในอัตราจ้างไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน งานและโครงการละไม่เกิน 2,000,000 บาท
2) การจ้างพนักงานราชการ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งจัดจ้างพนักงานราชการได้ 2 ประเภท ดังนี้ พนักงานราชการประเภททั่วไป พนักงานราชการประเภทพิเศษ
สำหรับการจ้างบุคลากรที่เป็นพนักงานราชการเพื่อช่วยปฏิบัติงานรองนายกรัฐมนตรี ควรประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระดับสูง (specialist/expert) อัตราจ้างไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อเดือน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ (analyst) และเจ้าหน้าที่บริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT manager) อัตราจ้างไม่เกิน50,000 บาทต่อคนต่อเดือน เจ้าหน้าที่ประสานงาน (coordinator) และเจ้าหน้าที่ด้านระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ(IT personnel) อัตราจ้างไม่เกิน 20,000 บาทต่อคนต่อเดือน หรือการจ้างบุคลากรด้านอื่น ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนจะพิจารณาเห็นสมควร โดยกำหนดจำนวนบุคลากรที่จะจ้างมาช่วยงานรองนายกรัฐมนตรีในทุกประเภทไม่เกิน7 คน ต่อรองนายกรัฐมนตรี 1 คน
ทั้งนี้ การจ้างบุคลากรประจำรองนายกรัฐมนตรีตาม 1) และ 2) จะสิ้นสุดสัญญาจ้างเมื่อรองนายก-รัฐมนตรีแต่ละคนพ้นจากตำแหน่ง ส่วนการจ้างบุคลากรประจำ ส.อปภ. จำนวนไม่เกิน 5 ตำแหน่งนั้น เป็นการจ้างลูกจ้างชั่วคราวโครงการเพิ่มขีดสมรรถนะในการกำกับและติดตามฯ โดยอัตราจ้างจะพิจารณาตามคุณวุฒิของแต่ละตำแหน่ง
2. งบประมาณเพื่อวางระบบการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวม 8 ชุด สำหรับรองนายกรัฐมนตรี7 ชุด และ ส.อปภ. 1 ชุด
3. งบประมาณด้านพัฒนาบุคลากร (in-house training) สำหรับพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้แก่ผู้ปฏิบัติงานประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเลขานุการและเจ้าหน้าที่สนับสนุนการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของจังหวัดผู้รับและส่งข้อมูล เป็นต้น
4. งบประมาณการเดินทางไปตรวจราชการ การกำกับติดตามงานในพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ การจัดประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดที่รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน การจัดประชุมสัมมนาการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จัดไว้สำหรับเป็นงบสำรองจ่ายในการบริหารงานของรองนายกรัฐมนตรีกรณีจำเป็นฉุกเฉินในวงเงินคนละประมาณ 4 - 6 ล้านบาท
อนึ่ง งบประมาณของโครงการจะตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ส.อปภ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของรองนายกรัฐมนตรีในการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน่วยเบิกจ่าย และสนับสนุนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับความประสงค์ของรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-