เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 ให้คงเหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ ให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานให้ค้าน้ำมันเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วย ศุลกากรเฉพาะรายได้จากการประกอบุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลว เพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร โดยผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีจะต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1. เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป
2. ต้องมีรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร รวมถึงการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปี
3. ต้องมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานในประเทศไทยไม่น้อยกว่าห้าล้านบาทต่อปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
4. ได้จดแจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานต่อกรมสรรพากรตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
5. ให้มีผลใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
ซึ่งการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวจะไม่ทำให้รายได้การจัดเก็บภาษีลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่เคยมีการประกอบธุรกรรมในลักษณะนี้มาก่อน แต่จะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศและแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศในระยะยาว
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานให้ค้าน้ำมันเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ เฉพาะรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร รวมถึงการซื้อและขายปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบางกรณี โดยให้ใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 30 ให้คงเหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ ให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานให้ค้าน้ำมันเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วย ศุลกากรเฉพาะรายได้จากการประกอบุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลว เพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร โดยผู้ได้รับใบอนุญาตฯ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีจะต้องมีคุณสมบัติและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1. เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไป
2. ต้องมีรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ในเขตปลอดอากรหรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร รวมถึงการซื้อและขายปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสองพันล้านบาทต่อปี
3. ต้องมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานในประเทศไทยไม่น้อยกว่าห้าล้านบาทต่อปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
4. ได้จดแจ้งการเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานต่อกรมสรรพากรตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
5. ให้มีผลใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
ซึ่งการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวจะไม่ทำให้รายได้การจัดเก็บภาษีลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่เคยมีการประกอบธุรกรรมในลักษณะนี้มาก่อน แต่จะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศและแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศในระยะยาว
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพลังงานให้ค้าน้ำมันเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทั้งนี้ เฉพาะรายได้จากการประกอบธุรกรรมการซื้อและขายปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวเฉพาะเพื่อการนำเข้าและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรในเขตปลอดอากร หรือระหว่างเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร รวมถึงการซื้อและขายปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เป็นของเหลวตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบางกรณี โดยให้ใช้บังคับสำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-