คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้
1. รับทราบ ประมาณการรายได้ปี 2555 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม จำนวน 2,834,237 ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี 2556-2558 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 9,879,726 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีการลงทุนรวมทั้งสิ้น 415,574 ล้านบาทหรือเฉลี่ยปีละ 138,525 ล้านบาท
2. เห็นชอบ งบประมาณลงทุนประจำปี 2555 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วงเงินดำเนินการและเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 213,710 ล้านบาท
3. เห็นชอบ กรอบงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2555 วงเงินดำเนินการ จำนวน 827,428 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 533,411 ล้านบาท ประกอบด้วย
3.1 การลงทุนโครงการต่อเนื่องที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการแล้วและงานตามภารกิจปกติ วงเงินดำเนินการ จำนวน 767,428 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 473,442 ล้านบาท
3.2 การลงทุนที่ขอเพิ่มเติมระหว่างปี (การเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมงบลงทุน) วงเงินดำเนินการและวงเงินเบิกจ่ายลงทุนจำนวน 60,000 ล้านบาท
4. รับทราบ ประมาณการแนวโน้มการลงทุนในช่วงปี 2556-2558 ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายลงทุนรวม 1,515,904 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 505,301 ล้านบาท
5. มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของกำไรสุทธิ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการเอง หรือสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผ่านการดำเนินงานของสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยในประเทศ
6. ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการเบิกจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ 2555 ให้สำนักงานฯ ทราบภายในทุกวันที่ 5 ของเดือนอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมได้อย่างต่อเนื่อง
7. ให้รัฐวิสาหกิจนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการดำเนินงานต้องมีความโปร่งใส เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางให้รัฐวิสาหกิจสร้างเครือข่ายของพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (Whistleblower) ขึ้นภายในองค์กร เพื่อความโปร่งใส รวมทั้งการให้ความสำคัญในการร่วมมือกับภาคประชาชน และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นเครือข่ายการต่อต้านการทุจริต
8. กระทรวงการคลังในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ควรเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการลงทุนและการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทมหาชนจำกัด โดยควรเร่งยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อให้กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรอง การลงทุนและกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และภายหลังเมื่อกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2521 และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
9. การดำเนินการเช่าสินทรัพย์ต่อเนื่องในระยะยาวที่ใช้ในการประกอบกิจการตามภารกิจหลักของรัฐวิสาหกิจที่ส่งผลต่อฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจอย่างมีนัยสำคัญ ให้รัฐวิสาหกิจจัดทำเป็นโครงการเช่าสินทรัพย์ดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนก่อนดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 ธันวาคม 2554--จบ--