คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากผู้ประกอบโรคศิลปะในการขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่ายสังคม)ไปดำเนินการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มาตรา 33(1) (ก) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะพ.ศ. 2542 กำหนดให้ผู้ที่ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะในสาขาการแพทย์แผนไทยจะต้องมีความรู้ในวิชาชีพ โดยได้รับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากผู้ประกอบโรคศิลปะซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้ในสถาบันหรือสถานพยาบาลที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยรับรองโดยออกเป็นกฎกระทรวง ดังนั้นเพื่อให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ผู้ประสงค์จะขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องได้รับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากครูผู้รับมอบตัวศิษย์ในสถาบันหรือสถานพยาบาล ตามระยะเวลาที่กำหนด
2. การออกหนังสือรับรองการอบรมหรือการฝึกปฏิบัติงาน ครูผู้รับรองต้องตรวจสอบว่าผู้ขอขึ้นทะเบียนได้ผ่านการเรียนการสอน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยประกาศกำหนด
3. กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยที่ประสงค์จะเป็นครูถ่ายทอดความรู้ในสถาบันหรือสถานพยาบาล
4. ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ตามร่างข้อ 3จะรับศิษย์ได้จำนวนเท่าใดให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยประกาศกำหนด
5. ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับหนังสือรับรองการเป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พุทธศักราช 2479 ให้หนังสือรับรองดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปแต่ให้มีกำหนดระยะเวลาห้าปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
สำหรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่ายสังคม) มีดังนี้
1. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้ในวิชาชีพ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขดังกล่าวให้รัดกุม เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการรับรองหมอเถื่อนให้เป็นหมอจริงและส่งออกนอกประเทศ การกระทำเกี่ยวกับคนต้องใช้ความระมัดระวังขอให้เข้มงวด พิจารณาให้รอบคอบเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
2. การแพทย์แผนไทยรวมถึงวิชาชีพหลายประเภท เช่น เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทยเป็นต้น ซึ่งการนวดไทยก็เป็นประเภทหนึ่งด้วย เมื่อมีกฎกระทรวงออกมาใช้บังคับ วิชาชีพประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวต้องมีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบอาชีพด้วยการนวด เช่น หมอนวดตามบ้าน สถานบริการ ซึ่งเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ไม่ใช่เป็นการนวดเพื่อบำบัดหรือรักษาโรค จะไม่มีใบอนุญาตดังกล่าว จะได้รับโทษหนักตามผลของกฎหมายควรจะต้องมีการปรับการบริหารกฎหมาย กลุ่มภูมิปัญญาชาวบ้านต้องไม่ถือว่าต้องมีใบอนุญาตฯ ควรแยกให้เห็นชัดเจน และไม่ควรเอาผิดกับคนประเภทนี้ และในปัจจุบันกระทรวงแรงงานมีการส่งเสริมอาชีพเกี่ยวกับการนวด โดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้ใบรับรอง หลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงแรงงานคล้ายกันมาก ควรมีการบูรณาการร่วมกัน นำหลักสูตรของกระทรวงแรงงานให้กระทรวงสาธารณสุขรับรอง มีการทดสอบความรู้ กลุ่มไหนไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ก็ไปเข้ากลุ่มนวดเพื่อผ่อนคลาย
3. ประเภทการนวดไทย ยังไม่สามารถแยกให้ชัดเจนได้ว่าเป็นการนวดเพื่อบำบัดหรือรักษาโรคอะไรบ้างจะเป็นการกระทบกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันหรือไม่ กระทรวงสาธารณสุขจะสามารถแยกประเภทได้อย่างไร เช่นนวดแผนไทยกับนวดเพื่อสุขภาพ ควรกำหนดนิยามคำว่า "หมอนวด" ให้ชัดเจน แยกแยะจากหมอที่ใช้ความสามารถพิเศษเพราะหมอนวดทั่วไปเป็นการนวดเพื่อบรรเทาอาการเมื่อยล้าบางอย่าง ซึ่งกฎกระทรวงนี้ไม่น่าจะคลุมถึง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 มีนาคม 2547--จบ--
-กภ-
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มาตรา 33(1) (ก) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะพ.ศ. 2542 กำหนดให้ผู้ที่ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะในสาขาการแพทย์แผนไทยจะต้องมีความรู้ในวิชาชีพ โดยได้รับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากผู้ประกอบโรคศิลปะซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้ในสถาบันหรือสถานพยาบาลที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยรับรองโดยออกเป็นกฎกระทรวง ดังนั้นเพื่อให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้ผู้ประสงค์จะขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ต้องได้รับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้จากครูผู้รับมอบตัวศิษย์ในสถาบันหรือสถานพยาบาล ตามระยะเวลาที่กำหนด
2. การออกหนังสือรับรองการอบรมหรือการฝึกปฏิบัติงาน ครูผู้รับรองต้องตรวจสอบว่าผู้ขอขึ้นทะเบียนได้ผ่านการเรียนการสอน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยประกาศกำหนด
3. กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยที่ประสงค์จะเป็นครูถ่ายทอดความรู้ในสถาบันหรือสถานพยาบาล
4. ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ตามร่างข้อ 3จะรับศิษย์ได้จำนวนเท่าใดให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยประกาศกำหนด
5. ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยที่ได้รับหนังสือรับรองการเป็นครูผู้รับมอบตัวศิษย์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พุทธศักราช 2479 ให้หนังสือรับรองดังกล่าวยังคงใช้ได้ต่อไปแต่ให้มีกำหนดระยะเวลาห้าปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
สำหรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่ายสังคม) มีดังนี้
1. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยที่เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้ในวิชาชีพ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขดังกล่าวให้รัดกุม เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการรับรองหมอเถื่อนให้เป็นหมอจริงและส่งออกนอกประเทศ การกระทำเกี่ยวกับคนต้องใช้ความระมัดระวังขอให้เข้มงวด พิจารณาให้รอบคอบเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
2. การแพทย์แผนไทยรวมถึงวิชาชีพหลายประเภท เช่น เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย ผดุงครรภ์ไทยเป็นต้น ซึ่งการนวดไทยก็เป็นประเภทหนึ่งด้วย เมื่อมีกฎกระทรวงออกมาใช้บังคับ วิชาชีพประเภทต่าง ๆ ดังกล่าวต้องมีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบอาชีพด้วยการนวด เช่น หมอนวดตามบ้าน สถานบริการ ซึ่งเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ไม่ใช่เป็นการนวดเพื่อบำบัดหรือรักษาโรค จะไม่มีใบอนุญาตดังกล่าว จะได้รับโทษหนักตามผลของกฎหมายควรจะต้องมีการปรับการบริหารกฎหมาย กลุ่มภูมิปัญญาชาวบ้านต้องไม่ถือว่าต้องมีใบอนุญาตฯ ควรแยกให้เห็นชัดเจน และไม่ควรเอาผิดกับคนประเภทนี้ และในปัจจุบันกระทรวงแรงงานมีการส่งเสริมอาชีพเกี่ยวกับการนวด โดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้ใบรับรอง หลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงแรงงานคล้ายกันมาก ควรมีการบูรณาการร่วมกัน นำหลักสูตรของกระทรวงแรงงานให้กระทรวงสาธารณสุขรับรอง มีการทดสอบความรู้ กลุ่มไหนไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ก็ไปเข้ากลุ่มนวดเพื่อผ่อนคลาย
3. ประเภทการนวดไทย ยังไม่สามารถแยกให้ชัดเจนได้ว่าเป็นการนวดเพื่อบำบัดหรือรักษาโรคอะไรบ้างจะเป็นการกระทบกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันหรือไม่ กระทรวงสาธารณสุขจะสามารถแยกประเภทได้อย่างไร เช่นนวดแผนไทยกับนวดเพื่อสุขภาพ ควรกำหนดนิยามคำว่า "หมอนวด" ให้ชัดเจน แยกแยะจากหมอที่ใช้ความสามารถพิเศษเพราะหมอนวดทั่วไปเป็นการนวดเพื่อบรรเทาอาการเมื่อยล้าบางอย่าง ซึ่งกฎกระทรวงนี้ไม่น่าจะคลุมถึง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 มีนาคม 2547--จบ--
-กภ-