คณะรัฐมนตรีรับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ในปัญหาข้อกฎหมายเรื่องปัญหาการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุมของกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอและแจ้งเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า ข้อหารือของกรมอนามัย เรื่องการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมกรณีที่อธิบดีกรมอนามัยที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่ง แต่เนื่องจากในบางครั้งอธิบดีมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติงานจำนวนมาก จึงได้พิจารณามอบหมายให้ นายเชษฐพันธุ์ กาฬแก้ว ผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย เข้าร่วมประชุมแทน และการประปาส่วนภูมิภาคได้เบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมให้กับนายเชษฐพันธุ์ฯ แต่ได้รับการทักท้วงจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้เรียกเงินดังกล่าวคืนนั้น เป็นข้อหารือเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมของกรรมการโดยตำแหน่งของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเข้าประชุมแทนซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าวแล้วเห็นว่า
1. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ได้บัญญัติให้อธิบดีกรมอนามัยเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่ง ไม่มีถ้อยคำในกฎหมายระบุห้ามการมอบอำนาจไว้โดยชัดแจ้ง และพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่ได้มีบทบัญญัติรับรองกรณีที่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่กรรมการการประปาส่วนภูมิภาคเข้ามาดำเนินการในการประชุมกรรมการฯ ไว้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรจึงต้องพิจารณาหลักเกณฑ์การมอบอำนาจตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ที่ได้บัญญัติถึงตำแหน่งที่อธิบดีอาจมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนได้ อันรวมถึงตำแหน่งผู้อำนวยการกองด้วย ดังนั้น เมื่อนายเชษฐพันธุ์ฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อมได้เข้าประชุมแทนอธิบดีกรมอนามัยโดยมีหนังสือแต่งตั้งโดยถูกต้อง จึงต้องถือว่านายเชษฐพันธุ์ฯ เป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ในขณะที่ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะใดที่นายเชษฐพันธุ์ฯ ในฐานะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคได้นำเสนอ และการประปาส่วนภูมิภาคได้นำไปใช้ประโยชน์ย่อมมีผลสมบูรณ์ ดังนั้น เมื่อนายเชษฐพันธุ์ฯ เข้าประชุมแทนอธิบดีกรมอนามัย ซึ่งเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่งจึงอยู่ในข่ายที่จะได้รับเบี้ยประชุม
2. การประปาส่วนภูมิภาคเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหนึ่งตามที่ได้บัญญัติไว้ในบทนิยามแห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย และหมวด 5 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมงบประมาณเพื่อปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ และให้มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินส่งคลังด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อการประปาส่วนภูมิภาคเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทหนึ่งที่ได้รับเงินงบประมาณจากงบประมาณประจำปี กระทรวงการคลังจึงมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลในด้านงบประมาณของการประปาส่วนภูมิภาคด้วย เมื่อการประปาส่วนภูมิภาคได้ขอหารือเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคต่อกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโดยตรง และกระทรวงการคลังได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงการคลังตอบข้อหารือของการประปาส่วนภูมิภาค การตอบข้อหารือของกระทรวงการคลังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบโดยถูกต้องแล้ว จึงสามารถยึดถือเป็นแนวปฏิบัติได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 เมษายน 2547--จบ--
-กภ-
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า ข้อหารือของกรมอนามัย เรื่องการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมกรณีที่อธิบดีกรมอนามัยที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่ง แต่เนื่องจากในบางครั้งอธิบดีมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติงานจำนวนมาก จึงได้พิจารณามอบหมายให้ นายเชษฐพันธุ์ กาฬแก้ว ผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย เข้าร่วมประชุมแทน และการประปาส่วนภูมิภาคได้เบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมให้กับนายเชษฐพันธุ์ฯ แต่ได้รับการทักท้วงจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้เรียกเงินดังกล่าวคืนนั้น เป็นข้อหารือเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมของกรรมการโดยตำแหน่งของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเข้าประชุมแทนซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าวแล้วเห็นว่า
1. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ได้บัญญัติให้อธิบดีกรมอนามัยเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่ง ไม่มีถ้อยคำในกฎหมายระบุห้ามการมอบอำนาจไว้โดยชัดแจ้ง และพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่ได้มีบทบัญญัติรับรองกรณีที่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่กรรมการการประปาส่วนภูมิภาคเข้ามาดำเนินการในการประชุมกรรมการฯ ไว้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรจึงต้องพิจารณาหลักเกณฑ์การมอบอำนาจตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ที่ได้บัญญัติถึงตำแหน่งที่อธิบดีอาจมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนได้ อันรวมถึงตำแหน่งผู้อำนวยการกองด้วย ดังนั้น เมื่อนายเชษฐพันธุ์ฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อมได้เข้าประชุมแทนอธิบดีกรมอนามัยโดยมีหนังสือแต่งตั้งโดยถูกต้อง จึงต้องถือว่านายเชษฐพันธุ์ฯ เป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ในขณะที่ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะใดที่นายเชษฐพันธุ์ฯ ในฐานะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคได้นำเสนอ และการประปาส่วนภูมิภาคได้นำไปใช้ประโยชน์ย่อมมีผลสมบูรณ์ ดังนั้น เมื่อนายเชษฐพันธุ์ฯ เข้าประชุมแทนอธิบดีกรมอนามัย ซึ่งเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคโดยตำแหน่งจึงอยู่ในข่ายที่จะได้รับเบี้ยประชุม
2. การประปาส่วนภูมิภาคเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทหนึ่งตามที่ได้บัญญัติไว้ในบทนิยามแห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย และหมวด 5 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมงบประมาณเพื่อปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ และให้มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินส่งคลังด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อการประปาส่วนภูมิภาคเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทหนึ่งที่ได้รับเงินงบประมาณจากงบประมาณประจำปี กระทรวงการคลังจึงมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลในด้านงบประมาณของการประปาส่วนภูมิภาคด้วย เมื่อการประปาส่วนภูมิภาคได้ขอหารือเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการการประปาส่วนภูมิภาคต่อกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโดยตรง และกระทรวงการคลังได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงการคลังตอบข้อหารือของการประปาส่วนภูมิภาค การตอบข้อหารือของกระทรวงการคลังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบโดยถูกต้องแล้ว จึงสามารถยึดถือเป็นแนวปฏิบัติได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 เมษายน 2547--จบ--
-กภ-