คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและรับทราบรายงานผลการลงนามร่างกรอบการดำเนินการเกี่ยวกับการค้ำประกันการกู้เงินของภาคเอกชน(Framework for Guarantees for Private Sector Operations ) ระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารพัฒนาเอเชีย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2547 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. กระทรวงการคลังได้ลงนามในหนังสือยืนยันเกี่ยวกับการลงทุนของ ADB ในภาคเอกชน จำนวน 2 ฉบับ คือ
1) การลงทุนในหุ้น(Equity Investment Operations)เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2526
2) การให้กู้แก่ภาคเอกชนโดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน(Loans to the Private Sector Without Government Guarantees)เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2529
2. ADB ได้เสนอกรอบการดำเนินงานเพิ่มเติมมาในครั้งนี้ คือ ร่างกรอบการดำเนินการเกี่ยวกับการค้ำประกันการกู้เงินของภาคเอกชน(Framework for Guarantees for Private Sector Operations ) โดย ADB จะให้การค้ำประกันการเสี่ยงทางการเมือง(Political Risk Guarantee) บางส่วนในการกู้เงินของภาคเอกชน ซึ่งการค้ำประกันให้แก่ผู้ให้กู้ เกี่ยวกับการชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
3. กรอบการดำเนินการได้กำหนดให้รัฐบาลไทยจะต้องให้การคุ้มกันและเอกสิทธิ์แก่ ADB ในการดำเนินธุรกรรมในการค้ำประกัน ดังนี้
3.1 การค้ำประกันเงินกู้ของ ADB จะได้รับการคุ้มกันจากข้อบังคับ การควบคุม และคำสั่งการพักชำระหนี้ชั่วคราวในรูปใด ๆ และ ADB สามารถดำเนินการ
1) ประกันต่อ หรือขายการค้ำประกันต่อ
2) ส่งคืนเงินตราต่างประเทศที่ ADB ได้รับจากการค้ำประกัน โดยได้รับการยกเว้นภาษีอากรใด ๆ รวมทั้งค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
3.2 ในกรณีที่มีการทำสัญญาที่จะชำระหนี้แทน หรือชำระหนี้แทนให้แก่ผู้ให้กู้ ADB จะเปรียบเสมือนผู้ให้กู้โดยตรงแก่ภาคเอกชนรายนั้น ๆ ในการค้ำประกันต่าง ๆ ADB จะเป็นผู้รับช่วงสิทธิ(Subrogate) แทนผู้ให้กู้ ซึ่ง ADB จะได้รับการคุ้มกันและเอกสิทธิ์ภายใต้การให้กู้แก่ภาคเอกชน โดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน และที่ได้กำหนดไว้ในกรอบความตกลงว่าด้วยการสถาปนาธนาคารพัฒนาเอเชีย
3.3 เงินบาทที่ ADB ได้รับในฐานะผู้รับช่วงสิทธิ ADB สามารถนำมาดำเนินการใช้จ่าย แลกเปลี่ยน และส่งกลับ เสมือนประหนึ่งว่า ADB ได้รับเงินดังกล่าวจากการให้กู้โดยตรงจากภาคเอกชน
ADB ไม่ได้มีนโยบายที่จะถือครองที่ดินในประเทศไทยจากการค้ำประกันการกู้เงินของภาค เอกชน และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนในโครงการเพื่อการพัฒนาในประเทศไทย
4. กระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย และให้ความเห็นชอบในร่างกรอบการดำเนินการดังกล่าวแล้ว โดยเห็นว่า ADB สามารถดำเนินธุรกรรมการค้ำประกันเงินกู้แก่ภาคเอกชนไทยได้อยู่แล้วภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการสถาปนาธนาคาพัฒนาเอเชีย (Charter) มาตร 14,15 และ 21 (3) และการได้รับเอกสิทธิ์จากการทำธุรกรรมอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กำหนดในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารพัฒนาเอเชีย พ.ศ.2509 โดยที่การค้ำประกันความเสี่ยงทางการเมืองจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในระยะยาว เพิ่มอุปสงค์การลงทุนของภาคเอกชน และการไหลเข้าของเงินทุนมากขึ้น ประกอบกับธนาคารพัฒนาเอเชียมีโครงการที่จะลงทุนในธุรกิจภาคเอกชนในประเทศไทย ซึ่งกำหนดลงนามเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. กระทรวงการคลังได้ลงนามในหนังสือยืนยันเกี่ยวกับการลงทุนของ ADB ในภาคเอกชน จำนวน 2 ฉบับ คือ
1) การลงทุนในหุ้น(Equity Investment Operations)เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2526
2) การให้กู้แก่ภาคเอกชนโดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน(Loans to the Private Sector Without Government Guarantees)เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2529
2. ADB ได้เสนอกรอบการดำเนินงานเพิ่มเติมมาในครั้งนี้ คือ ร่างกรอบการดำเนินการเกี่ยวกับการค้ำประกันการกู้เงินของภาคเอกชน(Framework for Guarantees for Private Sector Operations ) โดย ADB จะให้การค้ำประกันการเสี่ยงทางการเมือง(Political Risk Guarantee) บางส่วนในการกู้เงินของภาคเอกชน ซึ่งการค้ำประกันให้แก่ผู้ให้กู้ เกี่ยวกับการชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
3. กรอบการดำเนินการได้กำหนดให้รัฐบาลไทยจะต้องให้การคุ้มกันและเอกสิทธิ์แก่ ADB ในการดำเนินธุรกรรมในการค้ำประกัน ดังนี้
3.1 การค้ำประกันเงินกู้ของ ADB จะได้รับการคุ้มกันจากข้อบังคับ การควบคุม และคำสั่งการพักชำระหนี้ชั่วคราวในรูปใด ๆ และ ADB สามารถดำเนินการ
1) ประกันต่อ หรือขายการค้ำประกันต่อ
2) ส่งคืนเงินตราต่างประเทศที่ ADB ได้รับจากการค้ำประกัน โดยได้รับการยกเว้นภาษีอากรใด ๆ รวมทั้งค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
3.2 ในกรณีที่มีการทำสัญญาที่จะชำระหนี้แทน หรือชำระหนี้แทนให้แก่ผู้ให้กู้ ADB จะเปรียบเสมือนผู้ให้กู้โดยตรงแก่ภาคเอกชนรายนั้น ๆ ในการค้ำประกันต่าง ๆ ADB จะเป็นผู้รับช่วงสิทธิ(Subrogate) แทนผู้ให้กู้ ซึ่ง ADB จะได้รับการคุ้มกันและเอกสิทธิ์ภายใต้การให้กู้แก่ภาคเอกชน โดยรัฐบาลไม่ต้องค้ำประกัน และที่ได้กำหนดไว้ในกรอบความตกลงว่าด้วยการสถาปนาธนาคารพัฒนาเอเชีย
3.3 เงินบาทที่ ADB ได้รับในฐานะผู้รับช่วงสิทธิ ADB สามารถนำมาดำเนินการใช้จ่าย แลกเปลี่ยน และส่งกลับ เสมือนประหนึ่งว่า ADB ได้รับเงินดังกล่าวจากการให้กู้โดยตรงจากภาคเอกชน
ADB ไม่ได้มีนโยบายที่จะถือครองที่ดินในประเทศไทยจากการค้ำประกันการกู้เงินของภาค เอกชน และมีวัตถุประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนในโครงการเพื่อการพัฒนาในประเทศไทย
4. กระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย และให้ความเห็นชอบในร่างกรอบการดำเนินการดังกล่าวแล้ว โดยเห็นว่า ADB สามารถดำเนินธุรกรรมการค้ำประกันเงินกู้แก่ภาคเอกชนไทยได้อยู่แล้วภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการสถาปนาธนาคาพัฒนาเอเชีย (Charter) มาตร 14,15 และ 21 (3) และการได้รับเอกสิทธิ์จากการทำธุรกรรมอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กำหนดในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารพัฒนาเอเชีย พ.ศ.2509 โดยที่การค้ำประกันความเสี่ยงทางการเมืองจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในระยะยาว เพิ่มอุปสงค์การลงทุนของภาคเอกชน และการไหลเข้าของเงินทุนมากขึ้น ประกอบกับธนาคารพัฒนาเอเชียมีโครงการที่จะลงทุนในธุรกิจภาคเอกชนในประเทศไทย ซึ่งกำหนดลงนามเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-