คณะรัฐมนตรีรับทราบการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ที่ผลิตในประเทศในกิจการปิโตรเลียม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ดังนี้
1. แนวทางการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ที่ผลิตในประเทศในอนาคต
จากสถานการณ์ความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กในกิจการปิโตรเลียมในประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้ บริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมจำนวนหลายรายอยู่ในระหว่างการดำเนินงานตามแผนเพื่อการพัฒนาและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย เช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัทUnocal Thailand, Ltd. และ บริษัท Chevron Offshore (Thailand) Ltd. โดยการดำเนินการดังกล่าว จะต้องมีการติดตั้งแท่นขบวนการผลิต แท่นที่พักอาศัย และแท่นผลิตย่อย โดยมีความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กปีละประมาณ 17 - 20 แท่น
ในขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยได้มีการนำเทคโนโลยีการผลิตโครงสร้างเหล็กที่มีประสิทธิภาพมาใช้ มีการขยายโรงงานเพิ่ม และได้มีการพัฒนาทักษะช่างฝีมือแรงงานให้มีความรู้และความชำนาญงานเพิ่มมากขึ้น จนขณะนี้บริษัทผู้ประกอบโครงสร้างเหล็กในประเทศสามารถผลิตโครงสร้างเหล็กได้ทุกขนาดน้ำหนักตามความต้องการของผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียม ทั้งโครงสร้างเหล็ก Sub Structure และ Top Structure พร้อมทั้งได้มีการขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้น ดังนี้Sub Structure และ Top
Sub Structure และ Top Structure จำนวนแท่นที่ผลิตได้ต่อปี
TNS 1 TNS 2 CUEL รวม
Jacket 4 ขา 6 10 8 24
Deck (Top Side) 6 10 8 24
Jacket 8 ขา (ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักที่ต้องการ) - (8-12 เดือน) - 1
Top Side CPP (ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักที่ต้องการ) - 1 (16-24 เดือน) - 11/2 -2ปี
TNS : บริษัท Thai Nippon Steel Engineering & Construction Corp., Ltd.
CUEL : บริษัท คลัฟ - ยูนิไทย เอนจิเนียริ่ง จำกัด
ในการนี้ กระทรวงพลังงานเห็นว่าหากได้มีการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศในกิจการปิโตรเลียมอย่างจริงจังจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้ ดังนี้
- พัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญในการประกอบกิจการปิโตรเลียม
- พัฒนาการถ่ายเทคโนโลยีให้แก่ประเทศ
- พัฒนาผู้เชี่ยวชาญในกิจการปิโตรเลียม และพัฒนาช่างฝีมือแรงงาน
- พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในด้านกิจการปิโตรเลียมให้ทัดเทียมประเทศอื่นและอาจช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในการผลิตโครงสร้างเหล็กจากประเทศอื่น ๆ ได้ในอนาคต
- สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนอีกหลายสาขา อาทิ ลวดเชื่อม สี และวัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ
เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น กระทรวงพลังงานจึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมเพื่อพิจารณา และซึ่งในการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียม ครั้งที่ 4/2547/354 เมื่อวันที่ 29เมษายน 2547 วาระที่ 5 เรื่องการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ประกอบภายในประเทศในกิจการปิโตรเลียม ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
2. สำหรับขั้นตอนที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการต่อไป
1) แจ้งมติคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่องการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมที่เกี่ยวข้องทุกรายทราบ
2) แจ้งผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม ให้ใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักเป็นลำดับแรกเว้นแต่ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเห็นว่า ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ข้อกำหนดและระยะเวลาที่ต้องการ ให้นำเรื่องหารือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานเป็นเฉพาะกรณี
3) กระทรวงพลังงานจะดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศ เพื่อให้การผลิตโครงสร้างเหล็กดำเนินการได้ตามข้อกำหนดและระยะเวลาที่ผู้รับสัมปทานต้องการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. แนวทางการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ที่ผลิตในประเทศในอนาคต
จากสถานการณ์ความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กในกิจการปิโตรเลียมในประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้ บริษัทผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมจำนวนหลายรายอยู่ในระหว่างการดำเนินงานตามแผนเพื่อการพัฒนาและผลิตแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย เช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัทUnocal Thailand, Ltd. และ บริษัท Chevron Offshore (Thailand) Ltd. โดยการดำเนินการดังกล่าว จะต้องมีการติดตั้งแท่นขบวนการผลิต แท่นที่พักอาศัย และแท่นผลิตย่อย โดยมีความต้องการใช้โครงสร้างเหล็กปีละประมาณ 17 - 20 แท่น
ในขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยได้มีการนำเทคโนโลยีการผลิตโครงสร้างเหล็กที่มีประสิทธิภาพมาใช้ มีการขยายโรงงานเพิ่ม และได้มีการพัฒนาทักษะช่างฝีมือแรงงานให้มีความรู้และความชำนาญงานเพิ่มมากขึ้น จนขณะนี้บริษัทผู้ประกอบโครงสร้างเหล็กในประเทศสามารถผลิตโครงสร้างเหล็กได้ทุกขนาดน้ำหนักตามความต้องการของผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียม ทั้งโครงสร้างเหล็ก Sub Structure และ Top Structure พร้อมทั้งได้มีการขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้น ดังนี้Sub Structure และ Top
Sub Structure และ Top Structure จำนวนแท่นที่ผลิตได้ต่อปี
TNS 1 TNS 2 CUEL รวม
Jacket 4 ขา 6 10 8 24
Deck (Top Side) 6 10 8 24
Jacket 8 ขา (ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักที่ต้องการ) - (8-12 เดือน) - 1
Top Side CPP (ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักที่ต้องการ) - 1 (16-24 เดือน) - 11/2 -2ปี
TNS : บริษัท Thai Nippon Steel Engineering & Construction Corp., Ltd.
CUEL : บริษัท คลัฟ - ยูนิไทย เอนจิเนียริ่ง จำกัด
ในการนี้ กระทรวงพลังงานเห็นว่าหากได้มีการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศในกิจการปิโตรเลียมอย่างจริงจังจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้ ดังนี้
- พัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญในการประกอบกิจการปิโตรเลียม
- พัฒนาการถ่ายเทคโนโลยีให้แก่ประเทศ
- พัฒนาผู้เชี่ยวชาญในกิจการปิโตรเลียม และพัฒนาช่างฝีมือแรงงาน
- พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในด้านกิจการปิโตรเลียมให้ทัดเทียมประเทศอื่นและอาจช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในการผลิตโครงสร้างเหล็กจากประเทศอื่น ๆ ได้ในอนาคต
- สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนอีกหลายสาขา อาทิ ลวดเชื่อม สี และวัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ
เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น กระทรวงพลังงานจึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมเพื่อพิจารณา และซึ่งในการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียม ครั้งที่ 4/2547/354 เมื่อวันที่ 29เมษายน 2547 วาระที่ 5 เรื่องการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ประกอบภายในประเทศในกิจการปิโตรเลียม ที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
2. สำหรับขั้นตอนที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการต่อไป
1) แจ้งมติคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่องการส่งเสริมการใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมที่เกี่ยวข้องทุกรายทราบ
2) แจ้งผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม ให้ใช้โครงสร้างเหล็กที่ผลิตในประเทศทุกขนาดน้ำหนักเป็นลำดับแรกเว้นแต่ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเห็นว่า ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ข้อกำหนดและระยะเวลาที่ต้องการ ให้นำเรื่องหารือกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานเป็นเฉพาะกรณี
3) กระทรวงพลังงานจะดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการผลิตโครงสร้างเหล็กในประเทศ เพื่อให้การผลิตโครงสร้างเหล็กดำเนินการได้ตามข้อกำหนดและระยะเวลาที่ผู้รับสัมปทานต้องการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-