คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญขอให้คณะผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์และให้สัตยาบัน ในนามผู้แทนฝ่ายไทย
สาระสำคัญของร่างความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์ สรุปดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อจัดระบบการจ้างแรงงานไทยในรัฐกาตาร์ให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และกระบวนการที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้บังคับทั้ง 2 ประเทศ
2. การสรรหา การเดินทาง และการจ้างงานในรัฐกาตาร์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และขั้นตอนที่กำหนดไว้ของทั้ง 2 ประเทศ
3. คำร้องจัดหาแรงงานต้องระบุ ตำแหน่งงาน คุณสมบัติ ประสบการณ์ ทักษะ และความชำนาญพิเศษ ระยะเวลาสัญญาจ้าง รายละเอียดเงื่อนไขการจ้างงาน
4. การส่งกลับคนงานไทย เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดโดยคนงานจะต้องได้รับค่าจ้าง และสิทธิต่างๆ ภายใต้สัญญาจ้างงาน หรือภายใต้กฎหมายแรงงานกาตาร์ และระบุให้นายจ้างต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดของคนงานจากราชอาณาจักรไทยไปทำงานในรัฐกาตาร์และค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคนงานจากรัฐกาตาร์มายังราชอาณาจักรไทย เมื่อสิ้นสุดการทำงาน
5. เงื่อนไขการจ้างงานต้องระบุไว้ในสัญญาจ้างงานที่ได้กระทำขึ้นระหว่าง 2 ฝ่าย คือ นายจ้างกับลูกจ้าง ตามแบบร่างสัญญาจ้างแรงงานในกาตาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์ และสัญญาจ้างงานต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงแรงงานแห่งรัฐกาตาร์ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโดฮา กรณีทำขึ้นในรัฐกาตาร์ หากทำขึ้นในราชอาณาจักรไทยต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทย และสถานเอกอัครราชทูตกาตาร์ประจำประเทศไทย
6. สัญญาจ้างงานให้ทำเป็นสองภาษา คือ ภาษาอารบิก และภาษาอังกฤษ สำหรับภาษาไทย ให้จัดทำเป็นคำแปลเพื่อความเข้าใจของแรงงานไทย สัญญาจ้างงานภาษาอารบิกต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงแรงงานแห่งรัฐกาตาร์
7. ข้อพิพาทแรงงาน กรณีเกิดข้อพิพาทแรงงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้ยื่นคำร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่มีอำนาจของกระทรวงแรงงานแห่งรัฐกาตาร์ เพื่อยุติข้อพิพาท หากไม่สามารถยุติข้อพิพาทได้ให้ส่งข้อพิพาทนั้นไปยังศาลที่มีอำนาจในรัฐกาตาร์
8. การส่งรายได้กลับประเทศ ลูกจ้างมีสิทธิโอนเงินค่าจ้างกลับราชอาอาณาจักรไทยโดยเป็นไปตามระเบียบด้านการเงินที่ใช้ในรัฐกาตาร์
9. การติดตามผลการดำเนินงาน ระบุให้ทั้งสองฝ่ายต้องจัดตั้งคณะกรรมการร่วมฝ่ายละไม่เกิน 3 คน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามความตกลงฯ ซึ่งคณะกรรมการต้องประชุมร่วมกันปีละครั้ง
10. การบังคับใช้ความตกลงจะมีผลบังคับใช้นับจากวันที่มีการลงนามและมีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร มีระยะเวลา 3 ปี สามารถต่ออายุได้อีก 3 ปี และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการยุติความตกลงต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันหมดอายุ 6 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 พฤษภาคม 2555--จบ--