การกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้ตามโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 22, 2012 13:56 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้เงินในประเทศ ในปีงบประมาณ 2555 วงเงินไม่เกิน 21,060 ล้านบาท เพื่อ Roll Over เงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืน โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และอนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ธ.ก.ส.มีความจำเป็นต้องดำเนินการ Roll Over เงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืนในวันที่ 19 พฤษภาคม 2555 จำนวน 21,060 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้อันจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของ ธ.ก.ส. ประกอบกับการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้มีภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงินผู้ให้กู้ คิดอัตราดอกเบี้ยปรับตามที่ระบุในเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ที่ร้อยละ 15.20 ต่อปี

2. ในปีงบประมาณ 2555 ธ.ก.ส.มีเงินกู้ที่จะครบกำหนดชำระ จำนวน 31,522 ล้านบาทซึ่งเป็นหนี้เงินกู้ตามโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52 โดยที่โครงการฯ ยังคงมีสินค้าคงเหลืออยู่ หากมีการจำหน่ายสินค้า ธ.ก.ส. ก็จะสามารถนำเงินมาชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ ทั้งนี้ ในการจำหน่ายสินค้าต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติก่อน อย่างไรก็ดี โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตรเป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยที่รัฐบาลรับภาระต้นเงินและดอกเบี้ย ซึ่งสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้หลังจากได้มีการปิดบัญชีโครงการฯ แล้วเท่านั้น ธ.ก.ส. จึงขอบริหารหนี้ดังกล่าวด้วยการ Roll Over เงินกู้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การขอกู้เงินของ ธ.ก.ส.ในครั้งนี้ เป็นการบริหารและจัดการหนี้เดิม ไม่ได้เป็นการก่อหนี้ใหม่ และกระทรวงการคลังได้ค้ำประกันเงินกู้มาโดยตลอด พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 อนุมัติให้บรรจุแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธ.ก.ส. ดังกล่าวได้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ปรับปรุงครั้งนี้ 2 ตามนัยข้อ 1 แล้ว

3. ในส่วนของการค้ำประกัน เนื่องจากในปี 2552-2554 ธ.ก.ส. มีกำไรสุทธิมาโดยตลอด จึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 29 วรรค 2 กระทรวงการคลังจึงสามารถค้ำประกันให้แก่ ธ.ก.ส.ในครั้งนี้ได้ สำหรับวงเงินที่กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันให้ ธ.ก.ส. ได้ตามหลักเกณฑ์และกรอบวงเงินค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐข้อ 2 (2) นั้น ธ.ก.ส.มีเงินกองทุนทั้งสิ้นตามกฎหมาย ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 จำนวน 85,165 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันให้ ธ.ก.ส.ได้ไม่เกินวงเงิน 510,990 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส. มีหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันแล้ว จำนวน 103,219 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงสามารถค้ำประกันเงินกู้ให้ ธ.ก.ส.ได้ไม่เกินจำนวน 407,771 ล้านบาท และโดยที่การ Roll Over หนี้เงินกู้ที่ครบกำหนดชำระในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มวงเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันไปแล้วแต่อย่างใด ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงสามารถค้ำประกันให้แก่ ธ.ก.ส.ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ ธ.ก.ส.สามารถกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง อันจะช่วยลดต้นทุนให้แก่ ธ.ก.ส. รวมทั้งเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล จึงเห็นควรค้ำประกันเงินกู้ในครั้งนี้

4. การคิดค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน ตามมาตรา 30 ของพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ขณะนี้ สบน.ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการประเมินความเสี่ยงและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ซึ่งการคำนวณค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้คำนวณตามวงเงินกู้คงค้างรายสัญญา ณ วันที่ 30 กันยายน ของทุกปี ดังนั้น การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้รายนี้จะต้องรอสรุปยอดหนี้คงค้างเงินกู้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ก่อน ในชั้นนี้ จึงขอสงวนสิทธิในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันไว้ก่อน หากได้ผลประการใดจะแจ้งผลการประเมินการจัดอันดับค่าน่าเชื่อถือและค่าธรรมเนียม ตลอดจนวิธีการชำระเงินให้ ธ.ก.ส. ทราบในโอกาสต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤษภาคม 2555--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ