คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายข้าวตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าว
(กนข.) รายงานดังนี้
1. กำหนดคุณภาพข้าวเปลือกหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่รับจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 โดยให้คงคุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประสบภาวะภัยแล้งแล้วเกิดข้าวเมล็ดท้องไข่ให้เป็นไปตามประกาศมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่า ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ให้มีข้าวเมล็ดท้องไข่ไม่เกินร้อยละ 6 และให้คงอัตราแปรสภาพ อัตราส่งมอบ รวมทั้งอัตราค่าฝากเก็บข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 ตามหลักเกณฑ์เดิมที่วางไว้
2. การปรับหลักเกณฑ์การเปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยให้มีการเปิดจุดรับจำนำ นอกพื้นที่ได้เฉพาะโรงสีที่ตั้งอยู่ในภาคเดียวกันและ/หรือในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันเท่านั้น และให้ดำเนินการได้ในกรณีจังหวัดนั้นยังมีโรงสีที่เปิดจุดรับจำนำไม่เพียงพอ โดยให้นำเสนอประธาน กนข. หรือผู้ที่ประธาน กนข. มอบหมายพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินการ และต่อมาได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาอนุมัติให้เปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่แทนประธาน กนข. ได้ตามความจำเป็น เว้นแต่โรงสีไม่ได้ตั้งอยู่ในภาคเดียวกันจะต้องให้ประธาน กนข. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
3. การขยายระยะเวลารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นสิ้นสุด 31 มีนาคม 2548 และให้ปรับระยะเวลารับจำนำในภาคใต้จากเดิม กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2548 เป็น 15 มกราคม — 15 พฤษภาคม 2548 รวมทั้งเห็นชอบในหลักการให้มีการรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรในช่วงเดือนเมษายน 2548 ในราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
4. การดำเนินการกับโรงสีและท่าข้าวที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด โดยให้มีการดำเนินการกับผู้ประกอบการโรงสีที่มีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้น และการหักสิ่งเจือปน รวมทั้งการนำข้าวชนิดอื่นมาปลอมปนกับข้าวเปลือกหอมมะลิ โดยขอให้พิจารณาข้อกฎหมายที่จะไม่ต่ออายุหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าวให้ผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 (คณะกรรมการ ป.ก.ข.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ ได้ดำเนินการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำลงในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับต่อไป
5. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการโครงการรับจำนำ 4 คณะ ดังนี้
(1) คณะอนุกรรมการกำหนดอัตราแปรสภาพ อัตราส่งมอบ และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
(2) คณะอนุกรรมการตรวจสอบสต็อกข้าวโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
(3) คณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์การรับจำนำข้าวเปลือก
(4) คณะอนุกรรมการพิจารณาจำหน่ายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2547/48
6. อนุมัติข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย โดยอนุมัติจำหน่ายข้าวสารเจ้า 5% ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้านาปี ปีการผลิต 2547/48 ให้ อคส. จำนวน 1,000 ตัน เพื่อนำไปบรรจุถุง ๆ ละ 5 กก. รวม 200,000 ถุง นำไปแจกจ่ายให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์และสาธารณภัยในจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งให้แก่ประชาชนที่ประสบสาธารณภัยในจังหวัดอื่นๆ ด้วย หากมีความจำเป็นพิเศษ
7. การบริจาคข้าวให้ประเทศบูร์กินาฟาโซ ได้อนุมัติให้บริจาคข้าวขาว 25% จำนวน 1,000 ตัน ให้แก่ประเทศบูร์กินาฟาโซ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยให้ อคส. นำข้าวปทุมธานี และข้าวขาว 5% จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2547 ไปแลกเปลี่ยนเป็นข้าวขาว 25% กับภาคเอกชนในอัตราตามราคาตลาด เนื่องจากข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2547 ที่มีอยู่ไม่ตรงตามชนิดข้าวที่ส่งมอบให้แก่ประเทศบูร์กินาฟาโซ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
(กนข.) รายงานดังนี้
1. กำหนดคุณภาพข้าวเปลือกหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่รับจำนำตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 โดยให้คงคุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประสบภาวะภัยแล้งแล้วเกิดข้าวเมล็ดท้องไข่ให้เป็นไปตามประกาศมาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่า ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ให้มีข้าวเมล็ดท้องไข่ไม่เกินร้อยละ 6 และให้คงอัตราแปรสภาพ อัตราส่งมอบ รวมทั้งอัตราค่าฝากเก็บข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 ตามหลักเกณฑ์เดิมที่วางไว้
2. การปรับหลักเกณฑ์การเปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยให้มีการเปิดจุดรับจำนำ นอกพื้นที่ได้เฉพาะโรงสีที่ตั้งอยู่ในภาคเดียวกันและ/หรือในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกันเท่านั้น และให้ดำเนินการได้ในกรณีจังหวัดนั้นยังมีโรงสีที่เปิดจุดรับจำนำไม่เพียงพอ โดยให้นำเสนอประธาน กนข. หรือผู้ที่ประธาน กนข. มอบหมายพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินการ และต่อมาได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาอนุมัติให้เปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่แทนประธาน กนข. ได้ตามความจำเป็น เว้นแต่โรงสีไม่ได้ตั้งอยู่ในภาคเดียวกันจะต้องให้ประธาน กนข. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
3. การขยายระยะเวลารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นสิ้นสุด 31 มีนาคม 2548 และให้ปรับระยะเวลารับจำนำในภาคใต้จากเดิม กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2548 เป็น 15 มกราคม — 15 พฤษภาคม 2548 รวมทั้งเห็นชอบในหลักการให้มีการรับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรในช่วงเดือนเมษายน 2548 ในราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
4. การดำเนินการกับโรงสีและท่าข้าวที่มีพฤติกรรมกระทำความผิด โดยให้มีการดำเนินการกับผู้ประกอบการโรงสีที่มีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้น และการหักสิ่งเจือปน รวมทั้งการนำข้าวชนิดอื่นมาปลอมปนกับข้าวเปลือกหอมมะลิ โดยขอให้พิจารณาข้อกฎหมายที่จะไม่ต่ออายุหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าวให้ผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 (คณะกรรมการ ป.ก.ข.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ ได้ดำเนินการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างนำลงในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับต่อไป
5. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการโครงการรับจำนำ 4 คณะ ดังนี้
(1) คณะอนุกรรมการกำหนดอัตราแปรสภาพ อัตราส่งมอบ และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
(2) คณะอนุกรรมการตรวจสอบสต็อกข้าวโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48
(3) คณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์การรับจำนำข้าวเปลือก
(4) คณะอนุกรรมการพิจารณาจำหน่ายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2547/48
6. อนุมัติข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย โดยอนุมัติจำหน่ายข้าวสารเจ้า 5% ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้านาปี ปีการผลิต 2547/48 ให้ อคส. จำนวน 1,000 ตัน เพื่อนำไปบรรจุถุง ๆ ละ 5 กก. รวม 200,000 ถุง นำไปแจกจ่ายให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์และสาธารณภัยในจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งให้แก่ประชาชนที่ประสบสาธารณภัยในจังหวัดอื่นๆ ด้วย หากมีความจำเป็นพิเศษ
7. การบริจาคข้าวให้ประเทศบูร์กินาฟาโซ ได้อนุมัติให้บริจาคข้าวขาว 25% จำนวน 1,000 ตัน ให้แก่ประเทศบูร์กินาฟาโซ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยให้ อคส. นำข้าวปทุมธานี และข้าวขาว 5% จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2547 ไปแลกเปลี่ยนเป็นข้าวขาว 25% กับภาคเอกชนในอัตราตามราคาตลาด เนื่องจากข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2547 ที่มีอยู่ไม่ตรงตามชนิดข้าวที่ส่งมอบให้แก่ประเทศบูร์กินาฟาโซ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--