มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 30, 2012 13:33 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

เรื่อง การกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เรื่อง การกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ครั้งที่ 4/2554 วันที่ 26 ธันวาคม 2554 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะบังคับบัญชาสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

สำนักงาน ปปง. รายงานว่า

1. ประเทศไทยได้เข้ารับการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti-Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism : AML/CFT) ซึ่งเป็นการประเมินการปฏิบัติตามข้อแนะนำ 40+9 ของ FATF โดยคณะผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก เมื่อเดือนมีนาคม 2550 นั้น FATF ได้ออกประกาศ FATF Public Statement ซึ่งได้จัดให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ส่วนหนึ่งมาจากการขาดการกำกับดูแลด้าน AML/CFT ที่เข้มข้น ซึ่งหมายรวมถึงการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมอันทำให้สถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมมีความเสี่ยงในการฟอกเงินโดยอาชญากร จึงอาจส่งผลเสียหายแก่การทำธุรกิจและก่อให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

2. จากผลการประเมินตามข้อ 1 คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจึงออกมาตรการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เรื่อง การกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานสากล ด้าน AML/CFT เพื่อใช้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม ไม่น้อยกว่า 60,000 แห่ง และจำนวนรายงานการทำธุรกรรมตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2543 — 30 กันยายน 2554 จำนวนทั้งสิ้น 12,162,190 รายงานธุรกรรม ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นชอบกับมาตรการดังกล่าวด้วยแล้ว โดยมาตรการดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้

2.1 การดำเนินงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงาน

การทำธุรกรรม

2.1.1 ประสานงานระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลหลักสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม สมาคม ชมรม

หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและในการสนับสนุนในการดำเนิน

การด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

2.1.2 ศึกษา จัดทำหรือปรับปรุงนโยบาย มาตรการคู่มือ และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มี

หน้าที่รายงานการทำธุรกรรม เพื่อการดำเนินการด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับ

สนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

2.1.3 จัดทำแนวทาง สิ่งพิมพ์เผยแพร่ การฝึกอบรมเผยแพร่ ให้ความรู้ ความเข้าใจกับสถาบันการเงิน และผู้มีหน้าที่รายงาน

การทำธุรกรรมในการปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบาย และแนวทางด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อ

ต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

2.1.4 รับ ประมวลผล และตอบกลับรายงานการทำธุรกรรม และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงาน.

การทำธุรกรรม

2.1.5 รับ หรือส่งรายงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมกับหน่วยงานกำกับหลักหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการดำเนิน

การด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

2.1.6 ดำเนินการประเมินความเสี่ยงกลุ่มสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม โดยวิเคราะห์จากปัจจัยความ

เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งฟอกเงินและปัจจัยเกี่ยวกับความเข้มข้นในการกำกับดูแลในด้านโครงสร้าง ระบบงานและวิธี

ปฏิบัติงานในด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

เพื่อพิจารณาจัดลำดับ และวิธีการตรวจสอบสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

2.1.7 ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติของสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมโดยวิธีการตรวจสอบจาก

เอกสาร รายงาน และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และหรือการตรวจสอบ ณ สถานที่ทำการของสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่

รายงานการทำธุรกรรม เพื่อประเมินผลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมในการปฏิบัติตามกฎหมาย

ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน

2.1.8 พิจารณาผลการตรวจสอบเพื่อประเมินผลการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของ

สถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม และบังคับใช้กฎหมายในการกำกับดูแลให้สถาบันการเงินและผู้มี

หน้าที่รายงานการทำธุรกรรมโดยหลักนิติธรรม

2.1.9 ดำเนินการติดตาม แก้ไข ปรับปรุงตามแผนงานของสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมตามข้อสังเกต

จากการตรวจสอบและประเมินผล และนำผลการประเมินมาวิเคราะห์และทบทวนระดับความเสี่ยงโดยรวมของแต่ละ

กลุ่มสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมเพื่อประกอบการประเมินในรอบถัดไป

2.2 แนวทางการกำกับดูแลสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

2.2.1 การกำหนดคณะผู้ตรวจสอบ และคณะกรรมการพิจารณาผลการตรวจสอบและประเมินผล

2.2.2 กำหนดการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นสำหรับสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมทุกประเภท

โดยกำหนดความเสี่ยงตามปัจจัยความเสี่ยงต่อการเป็นแหล่งฟอกเงิน และปัจจัยเกี่ยวกับความเข้มข้นในการกำกับดูแล

ทั้งในด้านนโยบายทางเศรษฐกิจและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของสถาบันการเงินและผู้มี

หน้าที่รายงานการทำธุรกรรม เพื่อใช้เป็นหลักในการเลือกตรวจสอบและประเมินครั้งแรก

2.2.3 การกำหนดการติดตามข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตรวจสอบ โดยคำนึงถึงสาระสำคัญของแนวปฏิบัติด้านการป้องกัน

และปราบปรามการฟอกเงินเป็นหลัก

2.2.4 การกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้วิธีการตรวจสอบและประเมินผล ขั้นตอนในการตรวจสอบตามวิธีต่าง ๆ ที่กำหนด

(1) การตรวจสอบจากเอกสาร รายงาน และข้อมูลที่ได้รับจากสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

แหล่งข้อมูลที่เหมาะสม (Off-site Examination)

(2) การตรวจสอบโดยเข้าตรวจและสัมภาษณ์ ณ ที่ทำการสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

ประกอบการขอข้อมูลของสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมที่เหมาะสม

(On-site Examination)

2.2.5 การกำหนดรอบระยะเวลาในการตรวจสอบและประเมินผลสำหรับสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

เพื่อความต่อเนื่องในการกำกับดูแล

2.2.6 การกำหนดกระบวนการหลังการตรวจสอบและกระบวนการหลังแจ้งผลการประเมิน

(1) การรวบรวมข้อมูลและสอบถามเพิ่มเติม

(2) คณะกรรมการพิจารณาผลการตรวจสอบและประเมิน เพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน

(3) แจ้งผลการตรวจสอบและการประเมินที่ผ่านการอนุมัติให้สถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรม

เป็นลายลักษณ์อักษร

(4) การกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมจัดทำแผนงานเฉพาะกรณีปรับปรุง แก้ไข

ให้สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยกเว้นกรมที่ดิน

(5) การให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในกรณีที่ได้ส่งแผนงาน

มายังคณะผู้ตรวจ

(6) การดำเนินคดีอาญา หากสถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมมีการปฏิบัติงานที่อาจเสี่ยงต่อการ

ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเป็นสาระสำคัญ ยกเว้นกรมที่ดิน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤษภาคม 2555--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ