คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและรับความเห็นของสำนัก-เลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ควรพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร โดยนำกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับ ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าการดำเนินคดีอาญา
2. โดยที่มีพระราชบัญญัติจราจรค้างการตรวจพิจารณาอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก 2 ฉบับ จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นที่ว่า จะแก้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่นในประเด็นนี้ ไปแก้ในกฎหมายที่ค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีดังนี้
1. ให้ผู้บริหารท้องถิ่นและพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานจราจรในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบและระเบียบการจราจรในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งติดตั้งเครื่องหมายจราจร ตลอดจนออกใบสั่ง และเปรียบเทียบปรับเกี่ยวกับข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอดหรือกีดขวางทางการจราจร
2. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดทำ ติดตั้ง หรือทำให้ปรากฏสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร เฉพาะบริเวณและเวลาที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศ
3. การดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากก่อให้เกิดปัญหาการจัดระบบจราจร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาจให้มีการทบทวนประกาศ และสั่งระงับการใช้ประกาศท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว
4. ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้สั่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกใบสั่งและเปรียบเทียบปรับ หรือว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดได้
5. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินค่าปรับไปใช้เกี่ยวกับการจราจรเท่านั้น
6. กำหนดสิทธิอุทธรณ์ของผู้ถูกยึดใบอนุญาตขับขี่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-
1. อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและรับความเห็นของสำนัก-เลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า ควรพิจารณาเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญากับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจราจร โดยนำกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับ ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าการดำเนินคดีอาญา
2. โดยที่มีพระราชบัญญัติจราจรค้างการตรวจพิจารณาอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีก 2 ฉบับ จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นที่ว่า จะแก้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่นในประเด็นนี้ ไปแก้ในกฎหมายที่ค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีดังนี้
1. ให้ผู้บริหารท้องถิ่นและพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้บริหารท้องถิ่นแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานจราจรในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบและระเบียบการจราจรในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งติดตั้งเครื่องหมายจราจร ตลอดจนออกใบสั่ง และเปรียบเทียบปรับเกี่ยวกับข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอดหรือกีดขวางทางการจราจร
2. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดทำ ติดตั้ง หรือทำให้ปรากฏสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร เฉพาะบริเวณและเวลาที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศ
3. การดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากก่อให้เกิดปัญหาการจัดระบบจราจร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาจให้มีการทบทวนประกาศ และสั่งระงับการใช้ประกาศท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว
4. ให้ผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้สั่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกใบสั่งและเปรียบเทียบปรับ หรือว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดได้
5. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินค่าปรับไปใช้เกี่ยวกับการจราจรเท่านั้น
6. กำหนดสิทธิอุทธรณ์ของผู้ถูกยึดใบอนุญาตขับขี่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-