คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการค้ามนุษย์ ณ จังหวัดเชียงราย ตามที่คณะทำงานเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการค้ามนุษย์เสนอ และกำหนดให้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา การค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติที่มีผลกระทบและความรุนแรงเทียบเท่ากับปัญหายาเสพติด
คณะทำงานเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการค้ามนุษย์ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งแรก ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 13 - 14 พฤษภาคม 2547 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นประธานการประชุม และมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 326 คน ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐ 187 คน ภาคเอกชน 45 คน สถานทูต 16 คน องค์การ/องค์กรต่างประเทศ 38 คน และสื่อมวลชน 40 คน ซึ่งมีสาระสำคัญของสรุปผลการประชุมฯ ดังนี้
1. ช่วงแรก เป็นการบรรยายพิเศษและการอภิปราย รวม 5 หัวข้อ ดังนี้
1) การบรรยายพิเศษของรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ประธานเปิดการประชุมฯ เรื่อง "ภาพรวมและความเป็นมาของการค้ามนุษย์ในโลกสถานการณ์ในประเทศไทยและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น"
สาระสำคัญ การค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่มวลมนุษยชาติกระทำรุนแรงต่อมนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน และได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์เท่ากับปัญหายาเสพติดการแก้ไขจะต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองและความเป็นผู้นำ และได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 9 ข้อ ได้แก่ 1) การป้องกัน 2) การปราบปราม 3) การบำบัดฟื้นฟู 4) การข่าว 5) การต่างประเทศ 6) การประสานงาน 7) การวิจัยและพัฒนา 8) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และ 9) การบริหารจัดการ
2) การบรรยายพิเศษของ นางสายสุรี จุติกุล ประธานคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิง เรื่อง "รายงานผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน"
สาระสำคัญ ได้เสนอการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน 6 ข้อ ได้แก่ 1) การบังคับใช้กฎหมาย/การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ 2) จัดให้มีหน่วยงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดูแลเด็กและสตรี 3) นำบันทึกข้อตกลงระหว่างภาครัฐและเกณฑ์การพิจารณาผู้ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ 4) ประสานงานในระดับทวิภาคีและพหุภาคีให้มากขึ้น 5) สร้างศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ควบคุมนโยบาย/ผู้บริหารองค์กรและ 6) การติดตามประเมินผล
3) การบรรยายพิเศษของ ศาสตราจารย์ สุภางค์ จันทวานิช เรื่อง "ผลการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาในการป้องกันการถูกล่อลวง"
สาระสำคัญ ได้สรุปปัญหาการค้ามนุษย์ที่ได้จากการทำวิจัย 6 ข้อ ดังนี้ 1) ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดความเข้าใจการทำงานด้านการค้ามนุษย์ 2) ความไม่ชัดเจนในการตัดสินว่าใครเป็นเหยื่อ 3) ขาดเอกภาพในการปฏิบัติตามนโยบาย 4) บทลงโทษไม่รุนแรง 5) ข้อขัดแย้งในขั้นตอนต่างๆ ระหว่างประเทศต้นทางและปลายทางมีผลให้การช่วยเหลือล่าช้า 6) ผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ร่วมมือในการให้ข้อมูล และมีข้อเสนอประเด็นวิจัย 6 ข้อ คือ 1) หาบทเรียนที่ดี (Best Practices) ในการฟื้นฟูผู้ตกเป็นเหยื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในประเทศต้นทางได้อย่างยั่งยืน 2) หาวิธีการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ที่เสี่ยงต่อการถูกล่อลวง 3) การเฝ้าระวังในประเทศต้นทาง 4) การแทรกแซงในเส้นทางการค้ามนุษย์ 5) การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ 6) แนวปฏิบัติต่อผู้เสียหายในสถานะเหยื่อของการค้ามนุษย์
4) การอภิปรายของผู้แทนภาครัฐในประเทศไทย องค์การสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ เรื่อง "กติการะหว่างประเทศ การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และบทเรียนที่ดีในการดำเนินการร่วมกัน"
สาระสำคัญ ได้กล่าวถึงอนุสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และบทบาทของไทยในการเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และบทบาทขององค์การสหประชาชาติในการเป็นหน่วยงานที่เชื่อมความสัมพันธ์ของรัฐต่าง ๆ ให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของรัฐนั้น และได้กล่าวถึงสาเหตุสำคัญของปัญหาการค้ามนุษย์เกิดจากมิติทางด้านเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการมีบันทึกข้อตกลง
5) การอภิปรายของผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน เรื่อง "การดำเนินการที่ผ่านมาของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย"
สาระสำคัญ กล่าวถึงการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยในด้านการป้องกัน การบังคับใช้กฎหมาย การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ การคุ้มครองเยียวยา และการส่งกลับ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน การจัดทำบันทึกข้อตกลงในระดับต่าง ๆ
2. ช่วงที่สอง เป็นการประชุมกลุ่มย่อย ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นตามหัวข้อที่สนใจ 4 หัวข้อ และที่ประชุมกลุ่มย่อยได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ดังนี้
1) การป้องกันมิให้หญิงและเด็กตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์กำหนดเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1) มาตรการระยะเร่งด่วน ให้ความสำคัญด้านข้อมูลการค้ามนุษย์ระดับจังหวัด กรประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่ และกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับจังหวัดที่มีความรุนแรงของปัญหา 2) มาตรการระยะยาว ให้ความสำคัญในการพัฒนาครอบครัวให้เข้มแข็ง และส่งเสริมบทบาทครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และผู้นำชุมชนในการป้องกันและเผ้าระวังปัญหาการปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมที่เสี่ยง การจัดสรรทุนการศึกษาให้กว้างขึ้น และพัฒนาทักษะอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาด
2) การบังคับใช้กฎหมายและการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วน 5 ข้อ ได้แก่ 1) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างตำรวจ ศาล อัยการ เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน 2) กำหนดคำนิยามของคำว่า "สมคบ" เพื่อเพิ่มโทษกับผู้ร่วมกระทำผิด 3) จัดทำหลักเกณฑ์การคัดแยก "เหยื่อ" และ "ผู้ต้องหา" 4) จัดทำหลักสูตรการสอบสวนร่วมกันของเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และ 5) แก้ไขกฎหมายกรณีผู้หญิงเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ให้มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกับเด็กเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
3) การคุ้มครองและเยียวยาหญิงและเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนโดยการประชาสัมพันธ์ปัญหาไปสู่สาธารณชนเพื่อให้เป็นกลุ่มเฝ้าระวังส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนสำหรับคุ้มครอง และเยียวยาผู้ตกเป็นเหยื่อ และดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำบันทึกข้อตกลงไปปฏิบัติอย่างแท้จริง
4) การร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกัน การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ การแลกเปลี่ยนข้อมูล/ข่าวสาร การคุ้มครอง และการเยียวยา กลุ่มนี้ได้เสนอมาตรการ ได้แก่ 1) การจัดให้มีทูตแรงงานเพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ 2) ผลักดันให้รัฐมนตรีแรงงานอาเซียนมีบทบาทในการคุ้มครองและดูแลปัญหาการค้ามนุษย์ 3) หากมีหญิงและเด็กต่างชาติที่ถูกล่องลวงได้รับการช่วยเหลือส่งกลับประเทศและมีแนวโน้มว่าจะถูกลงโทษจากประเทศต้นทางให้สามารถส่งไปพักพิงในค่ายอพยพขององค์การ UNHCR 4) จัดให้มีผู้ประสานงานด้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทยประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-
คณะทำงานเตรียมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการค้ามนุษย์ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งแรก ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 13 - 14 พฤษภาคม 2547 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นประธานการประชุม และมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 326 คน ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐ 187 คน ภาคเอกชน 45 คน สถานทูต 16 คน องค์การ/องค์กรต่างประเทศ 38 คน และสื่อมวลชน 40 คน ซึ่งมีสาระสำคัญของสรุปผลการประชุมฯ ดังนี้
1. ช่วงแรก เป็นการบรรยายพิเศษและการอภิปราย รวม 5 หัวข้อ ดังนี้
1) การบรรยายพิเศษของรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) ประธานเปิดการประชุมฯ เรื่อง "ภาพรวมและความเป็นมาของการค้ามนุษย์ในโลกสถานการณ์ในประเทศไทยและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น"
สาระสำคัญ การค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่มวลมนุษยชาติกระทำรุนแรงต่อมนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน และได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้ามนุษย์เท่ากับปัญหายาเสพติดการแก้ไขจะต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองและความเป็นผู้นำ และได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 9 ข้อ ได้แก่ 1) การป้องกัน 2) การปราบปราม 3) การบำบัดฟื้นฟู 4) การข่าว 5) การต่างประเทศ 6) การประสานงาน 7) การวิจัยและพัฒนา 8) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และ 9) การบริหารจัดการ
2) การบรรยายพิเศษของ นางสายสุรี จุติกุล ประธานคณะกรรมการประสานการแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิง เรื่อง "รายงานผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน"
สาระสำคัญ ได้เสนอการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน 6 ข้อ ได้แก่ 1) การบังคับใช้กฎหมาย/การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ 2) จัดให้มีหน่วยงานภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดูแลเด็กและสตรี 3) นำบันทึกข้อตกลงระหว่างภาครัฐและเกณฑ์การพิจารณาผู้ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ 4) ประสานงานในระดับทวิภาคีและพหุภาคีให้มากขึ้น 5) สร้างศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ควบคุมนโยบาย/ผู้บริหารองค์กรและ 6) การติดตามประเมินผล
3) การบรรยายพิเศษของ ศาสตราจารย์ สุภางค์ จันทวานิช เรื่อง "ผลการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาในการป้องกันการถูกล่อลวง"
สาระสำคัญ ได้สรุปปัญหาการค้ามนุษย์ที่ได้จากการทำวิจัย 6 ข้อ ดังนี้ 1) ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดความเข้าใจการทำงานด้านการค้ามนุษย์ 2) ความไม่ชัดเจนในการตัดสินว่าใครเป็นเหยื่อ 3) ขาดเอกภาพในการปฏิบัติตามนโยบาย 4) บทลงโทษไม่รุนแรง 5) ข้อขัดแย้งในขั้นตอนต่างๆ ระหว่างประเทศต้นทางและปลายทางมีผลให้การช่วยเหลือล่าช้า 6) ผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ร่วมมือในการให้ข้อมูล และมีข้อเสนอประเด็นวิจัย 6 ข้อ คือ 1) หาบทเรียนที่ดี (Best Practices) ในการฟื้นฟูผู้ตกเป็นเหยื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในประเทศต้นทางได้อย่างยั่งยืน 2) หาวิธีการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ที่เสี่ยงต่อการถูกล่อลวง 3) การเฝ้าระวังในประเทศต้นทาง 4) การแทรกแซงในเส้นทางการค้ามนุษย์ 5) การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ 6) แนวปฏิบัติต่อผู้เสียหายในสถานะเหยื่อของการค้ามนุษย์
4) การอภิปรายของผู้แทนภาครัฐในประเทศไทย องค์การสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ เรื่อง "กติการะหว่างประเทศ การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และบทเรียนที่ดีในการดำเนินการร่วมกัน"
สาระสำคัญ ได้กล่าวถึงอนุสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และบทบาทของไทยในการเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และบทบาทขององค์การสหประชาชาติในการเป็นหน่วยงานที่เชื่อมความสัมพันธ์ของรัฐต่าง ๆ ให้มีการเคารพสิทธิมนุษยชนของบุคคลโดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของรัฐนั้น และได้กล่าวถึงสาเหตุสำคัญของปัญหาการค้ามนุษย์เกิดจากมิติทางด้านเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และการมีบันทึกข้อตกลง
5) การอภิปรายของผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน เรื่อง "การดำเนินการที่ผ่านมาของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย"
สาระสำคัญ กล่าวถึงการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยในด้านการป้องกัน การบังคับใช้กฎหมาย การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ การคุ้มครองเยียวยา และการส่งกลับ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน การจัดทำบันทึกข้อตกลงในระดับต่าง ๆ
2. ช่วงที่สอง เป็นการประชุมกลุ่มย่อย ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นตามหัวข้อที่สนใจ 4 หัวข้อ และที่ประชุมกลุ่มย่อยได้เสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ดังนี้
1) การป้องกันมิให้หญิงและเด็กตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์กำหนดเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1) มาตรการระยะเร่งด่วน ให้ความสำคัญด้านข้อมูลการค้ามนุษย์ระดับจังหวัด กรประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่ และกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับจังหวัดที่มีความรุนแรงของปัญหา 2) มาตรการระยะยาว ให้ความสำคัญในการพัฒนาครอบครัวให้เข้มแข็ง และส่งเสริมบทบาทครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และผู้นำชุมชนในการป้องกันและเผ้าระวังปัญหาการปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมที่เสี่ยง การจัดสรรทุนการศึกษาให้กว้างขึ้น และพัฒนาทักษะอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาด
2) การบังคับใช้กฎหมายและการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วน 5 ข้อ ได้แก่ 1) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างตำรวจ ศาล อัยการ เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน 2) กำหนดคำนิยามของคำว่า "สมคบ" เพื่อเพิ่มโทษกับผู้ร่วมกระทำผิด 3) จัดทำหลักเกณฑ์การคัดแยก "เหยื่อ" และ "ผู้ต้องหา" 4) จัดทำหลักสูตรการสอบสวนร่วมกันของเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และ 5) แก้ไขกฎหมายกรณีผู้หญิงเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ให้มีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกับเด็กเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
3) การคุ้มครองและเยียวยาหญิงและเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนโดยการประชาสัมพันธ์ปัญหาไปสู่สาธารณชนเพื่อให้เป็นกลุ่มเฝ้าระวังส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนสำหรับคุ้มครอง และเยียวยาผู้ตกเป็นเหยื่อ และดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำบันทึกข้อตกลงไปปฏิบัติอย่างแท้จริง
4) การร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกัน การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ การแลกเปลี่ยนข้อมูล/ข่าวสาร การคุ้มครอง และการเยียวยา กลุ่มนี้ได้เสนอมาตรการ ได้แก่ 1) การจัดให้มีทูตแรงงานเพื่อดูแลคนไทยในต่างประเทศ 2) ผลักดันให้รัฐมนตรีแรงงานอาเซียนมีบทบาทในการคุ้มครองและดูแลปัญหาการค้ามนุษย์ 3) หากมีหญิงและเด็กต่างชาติที่ถูกล่องลวงได้รับการช่วยเหลือส่งกลับประเทศและมีแนวโน้มว่าจะถูกลงโทษจากประเทศต้นทางให้สามารถส่งไปพักพิงในค่ายอพยพขององค์การ UNHCR 4) จัดให้มีผู้ประสานงานด้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทยประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-