คณะรัฐมนตรีรับทราบการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งที่ 5/2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 ขึ้น ณ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ดังกล่าว ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 เมื่อวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2547 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธาน สรุปแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 ดังนี้1. สาเหตุและปัจจัยของการเกิดอุทกภัย และโคลนถล่ม
2. แนวทางการบริหารจัดการ ทั้งขณะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และภายหลังภัยยุติ รวมทั้งกำหนดหน่วยปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับการปฏิบัติก่อนเกิดภัย มีดังนี้
1. จัดทำและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม และข้อมูลพื้นที่ปลอดภัย เพื่อรองรับการอพยพ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลของทุกหน่วยงานให้ถูกต้องตรงกัน
2. จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม
3. จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาฯ และฝึกซ้อมตามแผนฯ ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. จัดเตรียมกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อมปฏิบัติการ ได้ในทันทีที่เกิดภัย รวมทั้งจัดชุดเฝ้าระวังและเคลื่อนที่เร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง
5. แจ้งเตือนภัย (ข่าวอากาศ/คำเตือน/ปริมาณน้ำฝน/ระดับน้ำ ปริมาณการไหลของน้ำ/พื้นที่เสี่ยงภัย ฯลฯ)
6. การติดตั้งระบบอุปกรณ์และสัญญาณเตือนภัย และเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมจัดผู้ดูแลเฝ้าระวังและบันทึกข้อมูลเป็นประจำและต่อเนื่องตลอดฤดูฝน รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อประสานข้อมูลกับหน่วยปฏิบัติที่กี่ยวข้องทุกหน่วยในพื้นที่
7. จัดหาพื้นที่รองรับน้ำและก่อสร้างฝายทดน้ำบนพื้นที่ต้นน้ำลำธารและขุดลอกคูคลองและแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อการระบายน้ำ
การปฏิบัติเมื่อเกิดภัย
1. ระงับภัย ลดอันตราย กู้ภัยและบรรเทาภัยเบื้องต้น พร้อมทั้งจัดตั้งกองบัญชาการบรรเทาภัยส่วนหน้าในพื้นที่ประสบภัย และสนธิกำลังกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่
2. อพยพประชาชน/เคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปสู่พื้นที่ปลอดภัย
3. จัดเครื่องยังชีพเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น
4. สำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น
5. จัดระบบรักษาความปลอดภัย
6. ประสานหน่วยปฏิบัติตามแผนอำนวยการเฉพาะกิจฯ
7. รายงานสถานการณ์ทุกระยะ จนกว่าภัยจะยุติ
การปฏิบัติภายหลังภัยยุติ
1. จัดตั้งหน่วยบรรเทาทุกข์ ที่พักอาศัยชั่วคราว จัดเครื่องยังชีพเครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคอาหารและน้ำดื่ม และให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ
2. สำรวจความเสียหายโดยละเอียดทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งสาธารณประโยชน์
3. กำจัดดสิ่งปฏิกูล ซากต้นไม้ ซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎร สิ่งสาธารณะประโยชน์และสาธารณูปโภค ในกรณีที่ซ่อมแซมไม่ได้ ให้รื้อถอนออกไปโดยเร็ว
4. ประชาสัมพันธ์ ฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
5. พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
6. จัดระบบการตั้งถิ่นฐานและการย้ายชุมชน
7. ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่การบริการภาครัฐและการประกอบอาชีพ
การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว มีดังนี้
1. ตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างทันท่วงที
2. จัดทำโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้บนพื้นที่ต้นน้ำลำธาร การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการที่อยู่อาศัย การคมนาคม ขนส่ง การประกอบอาชีพ/จิตใจ ความมั่นคงและอื่น ๆ
3. เร่งรัดการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ
4. ปรับปรุงแก้ไขระเบียบว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินให้เอื้ออำนวยต่อการป้องกันในขณะก่อนเกิดภัย เพื่อลดผลกระทบและไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-
กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งที่ 5/2547 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 ขึ้น ณ สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ดังกล่าว ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 เมื่อวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2547 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประมวล รุจนเสรี) เป็นประธาน สรุปแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2547 ดังนี้1. สาเหตุและปัจจัยของการเกิดอุทกภัย และโคลนถล่ม
2. แนวทางการบริหารจัดการ ทั้งขณะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และภายหลังภัยยุติ รวมทั้งกำหนดหน่วยปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับการปฏิบัติก่อนเกิดภัย มีดังนี้
1. จัดทำและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยจากอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม และข้อมูลพื้นที่ปลอดภัย เพื่อรองรับการอพยพ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลของทุกหน่วยงานให้ถูกต้องตรงกัน
2. จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม
3. จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาฯ และฝึกซ้อมตามแผนฯ ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. จัดเตรียมกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อมปฏิบัติการ ได้ในทันทีที่เกิดภัย รวมทั้งจัดชุดเฝ้าระวังและเคลื่อนที่เร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง
5. แจ้งเตือนภัย (ข่าวอากาศ/คำเตือน/ปริมาณน้ำฝน/ระดับน้ำ ปริมาณการไหลของน้ำ/พื้นที่เสี่ยงภัย ฯลฯ)
6. การติดตั้งระบบอุปกรณ์และสัญญาณเตือนภัย และเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมจัดผู้ดูแลเฝ้าระวังและบันทึกข้อมูลเป็นประจำและต่อเนื่องตลอดฤดูฝน รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อประสานข้อมูลกับหน่วยปฏิบัติที่กี่ยวข้องทุกหน่วยในพื้นที่
7. จัดหาพื้นที่รองรับน้ำและก่อสร้างฝายทดน้ำบนพื้นที่ต้นน้ำลำธารและขุดลอกคูคลองและแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อการระบายน้ำ
การปฏิบัติเมื่อเกิดภัย
1. ระงับภัย ลดอันตราย กู้ภัยและบรรเทาภัยเบื้องต้น พร้อมทั้งจัดตั้งกองบัญชาการบรรเทาภัยส่วนหน้าในพื้นที่ประสบภัย และสนธิกำลังกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่
2. อพยพประชาชน/เคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปสู่พื้นที่ปลอดภัย
3. จัดเครื่องยังชีพเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น
4. สำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น
5. จัดระบบรักษาความปลอดภัย
6. ประสานหน่วยปฏิบัติตามแผนอำนวยการเฉพาะกิจฯ
7. รายงานสถานการณ์ทุกระยะ จนกว่าภัยจะยุติ
การปฏิบัติภายหลังภัยยุติ
1. จัดตั้งหน่วยบรรเทาทุกข์ ที่พักอาศัยชั่วคราว จัดเครื่องยังชีพเครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคอาหารและน้ำดื่ม และให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ
2. สำรวจความเสียหายโดยละเอียดทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งสาธารณประโยชน์
3. กำจัดดสิ่งปฏิกูล ซากต้นไม้ ซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎร สิ่งสาธารณะประโยชน์และสาธารณูปโภค ในกรณีที่ซ่อมแซมไม่ได้ ให้รื้อถอนออกไปโดยเร็ว
4. ประชาสัมพันธ์ ฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
5. พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระเบียบว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
6. จัดระบบการตั้งถิ่นฐานและการย้ายชุมชน
7. ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่การบริการภาครัฐและการประกอบอาชีพ
การป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว มีดังนี้
1. ตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอย่างทันท่วงที
2. จัดทำโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้บนพื้นที่ต้นน้ำลำธาร การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการที่อยู่อาศัย การคมนาคม ขนส่ง การประกอบอาชีพ/จิตใจ ความมั่นคงและอื่น ๆ
3. เร่งรัดการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ
4. ปรับปรุงแก้ไขระเบียบว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินให้เอื้ออำนวยต่อการป้องกันในขณะก่อนเกิดภัย เพื่อลดผลกระทบและไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 15 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-