คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการให้จัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศเกลี่ยอัตรากำลังและงบประมาณเท่าที่มีอยู่ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณและให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปยกร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศโดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดโครงสร้างอำนาจหน้าที่ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 (เรื่องการซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบเลิกสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศมาเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันโดยให้มีผลบังคับใช้สอดคล้องกับการจัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า การขอจัดตั้ง “กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (Department of International Cooperation)” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยงานหลักที่จะกำกับดูแลภาพรวมนโยบายและกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการใช้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาให้เป็นเครื่องมือผลักดันนโยบายต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์สำคัญคือ
1. ส่งเสริมการพัฒนาของประเทศในภูมิภาค ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความมั่งคงและความมั่นคั่งของไทย โดยเฉพาะเมื่อประเทศในภูมิภาคกำลังจะรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 หากประเทศในภูมิภาคมีระดับการพัฒนาที่ดีขึ้น ปัญหาข้ามชาติต่าง ๆ อาทิ การค้ามนุษย์ แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย ยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ ที่คุกคามความมั่นคงของประเทศไทยในปัจจุบันก็จะลดลง ขณะเดียวกัน ระดับการพัฒนาประเทศที่สูงขึ้นและขนาดเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นโอกาสสำหรับการค้าและการลงทุนของไทยในประเทศเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
2. ความช่วยเหลือระหว่างประเทศจะเป็นเครื่องมือทางการทูตเพื่อบุกเบิกและส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ โดยการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ความโน้มเอียง ความรู้สึกผูกพันกับประเทศไทยในระดับประชาชน และความคุ้นเคยกับแนวคิด แนวปฏิบัติและเทคโนโลยีของไทย (soft diplomacy) ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมกับประเทศนั้น ๆ ต่อไป
3. การที่ไทยมีหน่วยงานกลางดูภาพรวมด้านความช่วยเหลือระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบและครอบคลุมจะสะท้อนความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงของรัฐบาลไทยที่จะส่งเสริมสถานะของไทยเป็นประเทศผู้ให้ที่มีนโยบายก้าวหน้าและพร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในระดับโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในสายตาของรัฐบาลและภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกอีกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2555--จบ--