คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความก้าวหน้าในการรณรงค์มาตรการประหยัดพลังงานระหว่างวันที่ 9-18 มิถุนายน 2547 สรุปได้ดังนี้
1. มาตรการปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันหลังเวลา 24.00 น.
สถานีจำหน่ายน้ำมันทั้งประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 7,034 แห่ง อยู่ในเขต กทม. 809 สถานีและต่างจังหวัด 6,225 สถานี ให้ความร่วมมือปิดบริการหลังเวลา 24.00-05.00 น. รวม 3,570 สถานี หรือคิดเป็นร้อยละ 50.8 โดยกระทรวงพลังงานได้มอบป้ายผ้าแสดงความขอบคุณที่สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันให้ความร่วมมือและจะจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ยกย่องหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคล ที่ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงาน เพื่อจูงใจให้มีผู้ร่วมมือกับรัฐเพิ่มขึ้น
2. มาตรการปิดไฟป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น.
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 สมาคมผู้ผลิตป้ายโฆษณา ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกทุกราย เพื่อขอความร่วมมือในการปิดไฟส่องป้ายโฆษณา หลังเวลา 22.00 น. โดยสมาชิกได้ให้ความร่วมมือ ประมาณร้อยละ 50 ส่วน ที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการตั้งเวลา (Timer) เปิด-ปิดไฟส่องป้าย ตามเวลาใหม่
3. มาตรการปิดไฟถนน
กรมทางหลวงได้แจ้งให้แขวงการทาง สำนักงานบำรุงทาง พิจารณาปิดไฟฟ้าแสงสว่าง ยกเว้น บริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น ย่านชุมชน โรงงาน บริเวณมอเตอร์เวย์ บริเวณสะพานลอยคนเดินข้าม สะพานกลับรถต่างระดับ บริเวณทางแยกและทางโค้ง โดยปิดไฟฟ้าแสงสว่างในบริเวณทางตรง เปิดไฟเฉพาะบริเวณที่มีเสาไฟฟ้าชนิดกิ่งคู่ เสาสูง โดยดับดวงโคม 1 ดวงสลับต้นกัน กรณีกิ่งคู่ และลดจำนวนการเปิดดวงโคมลงจำนวน 2.3 ดวงโคม กรณีเสาสูง และลดการเปิดไฟฟ้าแสงสว่างให้น้อยลง โดยให้มีไฟฟ้าแสงสว่างข้างละ 3 ดวง บริเวณจุดกลับรถ นอกจากนี้กรมทางหลวงมีโครงการนำร่องเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าแสงสว่างบนถนน โดยจะติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดกำลังส่องสว่างในช่วงเวลาที่มีการจราจรน้อย จากไฟฟ้าแสงสว่างทั่วประเทศ 300,000 ดวง หากปิดบริเวณทางตรงประมาณ 50,000 ดวง จะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 17% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท
4. มาตรการเพิ่มภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดใหญ่
กรมการขนส่งทางบกได้จ้างที่ปรึกษาศึกษาพิกัดการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไว้แล้ว โดยครอบคลุมประเด็นด้านภาวะมลพิษ และสถานการณ์พลังงานของประเทศไทยในปัจจุบัน
5. มาตรการให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการประหยัดพลังงาน
5.1 ให้หน่วยงานรัฐลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน กระทรวงพลังงานกำชับให้หน่วยงานในสังกัดต้องปฏิบัติให้เกิดผลลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้พลังงานอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547 จะจัดประชุมกับคณะทำงาน ลดการใช้พลังงานของทุกกระทรวง เพื่อชี้แจงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องวิธีการปรับลดงบประมาณรายจ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 10 % พร้อมกับซ้อมความเข้าใจเรื่องการรายงานผลให้กระทรวงพลังงานเพื่อสรุปประเมินผลรายงานคณะรัฐมนตรีทราบอย่างสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสให้ทุกกระทรวงได้แลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติในการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้พลังงานอย่างไม่เหมาะสม
5.2 รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของส่วนราชการต่าง ๆ ต้องสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ด้วย กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือสอบถามไปยังทุกหน่วยงานเพื่อทราบจำนวนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะจัดหาปีงบประมาณ 2548 แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับ ส่วนราชการต่าง ๆ สำหรับการดำเนินการให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินสามารถเลือกใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงได้ ส่วนการให้รถยนต์ของส่วนราชการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นเชื้อเพลิงนั้น กระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานรายงานสถิติการใช้ให้กระทรวงพลังงานทราบ เป็นประจำทุกเดือน เพื่อสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
5.3 กำหนดบทบาทผู้ว่า CEO เป็นแกนหลักในการจัดทำแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการประหยัดพลังงานในจังหวัด กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือประสานความร่วมมือแล้วกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนพลังงานบูรณาการกับแผนพัฒนาจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นแกนหลักส่งเสริมการประหยัดพลังงาน โดยทำการนำร่องใน 12 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี ชลบุรี ราชบุรี บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน สุราษฎร์ธานี สงขลา
6. วาระแห่งชาติพลังงานทดแทน
6.1 Biofuel กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการแล้วรวม 2 ครั้ง เพื่อร่วมกันวางแนวทางการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตพืชน้ำมันของประเทศ และพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมกับการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของประเทศไทย
6.2 ก๊าซธรรมชาติ กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมกับ ปตท. นักวิชาการ นักวิจัย กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้ส่งเสริมการลงทุน เพื่อร่วมกันวางแนวทางที่เหมาะสมกับการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-
1. มาตรการปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันหลังเวลา 24.00 น.
สถานีจำหน่ายน้ำมันทั้งประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 7,034 แห่ง อยู่ในเขต กทม. 809 สถานีและต่างจังหวัด 6,225 สถานี ให้ความร่วมมือปิดบริการหลังเวลา 24.00-05.00 น. รวม 3,570 สถานี หรือคิดเป็นร้อยละ 50.8 โดยกระทรวงพลังงานได้มอบป้ายผ้าแสดงความขอบคุณที่สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันให้ความร่วมมือและจะจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ยกย่องหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคล ที่ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงาน เพื่อจูงใจให้มีผู้ร่วมมือกับรัฐเพิ่มขึ้น
2. มาตรการปิดไฟป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น.
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 สมาคมผู้ผลิตป้ายโฆษณา ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกทุกราย เพื่อขอความร่วมมือในการปิดไฟส่องป้ายโฆษณา หลังเวลา 22.00 น. โดยสมาชิกได้ให้ความร่วมมือ ประมาณร้อยละ 50 ส่วน ที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการตั้งเวลา (Timer) เปิด-ปิดไฟส่องป้าย ตามเวลาใหม่
3. มาตรการปิดไฟถนน
กรมทางหลวงได้แจ้งให้แขวงการทาง สำนักงานบำรุงทาง พิจารณาปิดไฟฟ้าแสงสว่าง ยกเว้น บริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น ย่านชุมชน โรงงาน บริเวณมอเตอร์เวย์ บริเวณสะพานลอยคนเดินข้าม สะพานกลับรถต่างระดับ บริเวณทางแยกและทางโค้ง โดยปิดไฟฟ้าแสงสว่างในบริเวณทางตรง เปิดไฟเฉพาะบริเวณที่มีเสาไฟฟ้าชนิดกิ่งคู่ เสาสูง โดยดับดวงโคม 1 ดวงสลับต้นกัน กรณีกิ่งคู่ และลดจำนวนการเปิดดวงโคมลงจำนวน 2.3 ดวงโคม กรณีเสาสูง และลดการเปิดไฟฟ้าแสงสว่างให้น้อยลง โดยให้มีไฟฟ้าแสงสว่างข้างละ 3 ดวง บริเวณจุดกลับรถ นอกจากนี้กรมทางหลวงมีโครงการนำร่องเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าแสงสว่างบนถนน โดยจะติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดกำลังส่องสว่างในช่วงเวลาที่มีการจราจรน้อย จากไฟฟ้าแสงสว่างทั่วประเทศ 300,000 ดวง หากปิดบริเวณทางตรงประมาณ 50,000 ดวง จะสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 17% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท
4. มาตรการเพิ่มภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดใหญ่
กรมการขนส่งทางบกได้จ้างที่ปรึกษาศึกษาพิกัดการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไว้แล้ว โดยครอบคลุมประเด็นด้านภาวะมลพิษ และสถานการณ์พลังงานของประเทศไทยในปัจจุบัน
5. มาตรการให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการประหยัดพลังงาน
5.1 ให้หน่วยงานรัฐลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน กระทรวงพลังงานกำชับให้หน่วยงานในสังกัดต้องปฏิบัติให้เกิดผลลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้พลังงานอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547 จะจัดประชุมกับคณะทำงาน ลดการใช้พลังงานของทุกกระทรวง เพื่อชี้แจงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องวิธีการปรับลดงบประมาณรายจ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง 10 % พร้อมกับซ้อมความเข้าใจเรื่องการรายงานผลให้กระทรวงพลังงานเพื่อสรุปประเมินผลรายงานคณะรัฐมนตรีทราบอย่างสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสให้ทุกกระทรวงได้แลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติในการลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้พลังงานอย่างไม่เหมาะสม
5.2 รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของส่วนราชการต่าง ๆ ต้องสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ด้วย กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือสอบถามไปยังทุกหน่วยงานเพื่อทราบจำนวนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะจัดหาปีงบประมาณ 2548 แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับ ส่วนราชการต่าง ๆ สำหรับการดำเนินการให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินสามารถเลือกใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงได้ ส่วนการให้รถยนต์ของส่วนราชการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เป็นเชื้อเพลิงนั้น กระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานรายงานสถิติการใช้ให้กระทรวงพลังงานทราบ เป็นประจำทุกเดือน เพื่อสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
5.3 กำหนดบทบาทผู้ว่า CEO เป็นแกนหลักในการจัดทำแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการประหยัดพลังงานในจังหวัด กระทรวงพลังงานได้มีหนังสือประสานความร่วมมือแล้วกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนพลังงานบูรณาการกับแผนพัฒนาจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นแกนหลักส่งเสริมการประหยัดพลังงาน โดยทำการนำร่องใน 12 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี ชลบุรี ราชบุรี บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน สุราษฎร์ธานี สงขลา
6. วาระแห่งชาติพลังงานทดแทน
6.1 Biofuel กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการแล้วรวม 2 ครั้ง เพื่อร่วมกันวางแนวทางการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตพืชน้ำมันของประเทศ และพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมกับการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของประเทศไทย
6.2 ก๊าซธรรมชาติ กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมกับ ปตท. นักวิชาการ นักวิจัย กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้ส่งเสริมการลงทุน เพื่อร่วมกันวางแนวทางที่เหมาะสมกับการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-