คณะรัฐมนตรีรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และมาตรการปรับค่าตอบเทนภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
การปรับอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
1. เบิกจ่ายเงินเดือน ตามพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ พ.ศ. 2547 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2547
ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินเดือนตามอัตราเงินเดือนใหม่
1) เลื่อนขั้นเงินเดือน ณ วันที่ 1 เมษายน 2547
2) ปรับใช้บัญชีอัตราเงินเดือนใหม่ที่ปรับเพิ่มร้อยละ 3 ให้แก่ข้าราชการทุกระดับ
3) ข้าราชการพลเรือนระดับ 1-7 หรือเทียบเท่า ให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ปรับเพิ่มร้อยละ 3 ตามบัญชีอัตราเงินเดือนใหม่อีก 2 ขั้น
4) ส่วนราชการจัดทำบัญชีปรับอัตราเงินเดือนที่ปรับปรุงใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องมีคำสั่งสำหรับอัตราเงินเดือนที่ปรับปรุงใหม่ (บัญชีปรับอัตราเงินเดือนมีทั้งบัญชีประเภทเบิกจ่ายรายอัตรา และเบิกจ่ายรายตัว)
5) ส่วนราชการวางกฤษฎีกาเบิกเงินเดือนกับกรมบัญชีกลางหรือสำนักานคลังจังหวัดโดยใช้บัญชีปรับอัตราเงินเดือนตามข้อ 4) แนบฏีกา
6) การวางฏีกาเบิกเงินเดือนรายเดือนจะต้องวางฏีกาก่อนวันที่ 15 ของเดือน
2. การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือเงินเดือน
2.1 หลักเกณฑ์การเบิกจ่าย
1) ข้าราชการระดับ 8-11 ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนเดือนละจำนวนเท่ากับจำนวนเงินประจำตำแหน่ง
2) ข้าราชการระดับ 8 และ 8 ว ที่ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้รับเงินตอบแทนจำนวน 3,500 บาทต่อเดือน
3) ค่าตอบแทนเพิ่มสำหรับข้าราชการระดับ 1-7 กรณีอัตราเงินเดือนอยู่ในขั้นสูง ของอันดับหรือตำแหน่ง (เต็มขั้น)
4) ค่าตอบแทนเพิ่มสำหรับลูกจ้างประจำกรณีอัตราเงินเดือนอยู่ในขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง (เต็มขั้น)
2.2 ขั้นตอนการเบิกจ่าย ส่วนราชการออกคำสั่งให้ได้รับเงินค่าตอบแทน และวางฎีกาเบิกโดยไม่ต้องแนบเอกสารประกอบฏีกา แต่ให้แสดงรายละเอียดหลักฏีกาว่าเบิกจ่ายเป็นเงินค่าตอบแทนประเภทใดอัตราเท่าใดและเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นเท่าใด
2.3 กรณีมีการวางฏีกาเบิกเงิน กรมบัญชีกลางสามารถตรวจและอนุมัติภายใน 3 วันทำการ
3. การเบิกจ่ายค่าจ้าง
3.1 การเบิกจ่ายมีขั้นตอนการเบิกจ่ายเช่นเดียวกับการเบิกจ่ายเงินเดือน
3.2 ปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายค่าจ้างประจำ คือ ส่วนราชการยังไม่มีคำสั่งเลื่อนขั้นค่าจ้าง
4. การเบิกจ่ายเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ กรณีการปรับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ในอัตราร้อยละ 3 ของเงินเบี้ยหวัด หรือบำนาญ และ ช.ค.บ. ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... เสร็จแล้วอยู่ระหว่างส่งร่างให้ส่วนราชการที่ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบต่อไป โดยจะมีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นไป
สรุปผลการดำเนินงานการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพ
1. บำเหน็จดำรงชีพ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพ = อัตราบำนาญบวกบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ (ถ้ามี) X15 แต่ไม่เกิน จำนวน 200,000 บาท โดยจะดำเนินการสั่งจ่ายบำนาญก่อนสั่งจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ เนื่องจากต้องใช้อัตราบำนาญเป็นฐานในการคำนวณ ซึ่งการสั่งจ่ายบำเหน็จดำรงชีพแล้วเสร็จภายใน 1 วัน ทำการและจะโอนเงิน เข้าบัญชีผู้มีสิทธิภายใน 5 วันทำการ กรณีไม่ประสงค์ขอรับบำเหน็จดำรงชีพพร้อมการขอรับบำนาญ จะยื่นขอรับบำเหน็จดำรงชีพ ได้ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปีเท่านั้น
2. บำเหน็จดำรงชีพของผู้รับบำนาญส่วนท้องถิ่น มีข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่นร้องเรียนถึงการขอรับบำเหน็จดำรงชีพ กระทรวงมหาดไทยซึ่งดูแลองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจร่างของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ผลการดำเนินงานมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
1. การเบิกจ่ายช่วยเหลือ (เงินก้อน) พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการของรัฐบาล พ.ศ. 2547 ประกาศใช้ ตั้งแต่ วันที่ 9 เมษายน 2547
1.1 หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ (เงินก้อน) เท่ากับ [8+ เวลาราชการที่เหลือ (ปี)
] x เงินเดือน เดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่า ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (เวลาราชการที่เหลือไม่ปัดเศษ)
1.2 เมื่อกรมบัญชีกลางได้รับเอกสารประกอบการเบิกจ่ายจากส่วนราชการครบถ้วนจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิ ภายใน 7 วันทำการ
2. การเบิกจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ
2.1 เกณฑ์การเบิกจ่ายเงิน
บำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
บำนาญปกติ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
50
บำนาญสมาชิก กบข. = เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
50
2.2 เมื่อกรมบัญชีกลางได้รับเอกสารครบถ้วนจะดำเนินการสั่งจ่ายบำเหน็จบำนาญภายใน 5 วันทำการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-
การปรับอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง และเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ
1. เบิกจ่ายเงินเดือน ตามพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ พ.ศ. 2547 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2547
ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินเดือนตามอัตราเงินเดือนใหม่
1) เลื่อนขั้นเงินเดือน ณ วันที่ 1 เมษายน 2547
2) ปรับใช้บัญชีอัตราเงินเดือนใหม่ที่ปรับเพิ่มร้อยละ 3 ให้แก่ข้าราชการทุกระดับ
3) ข้าราชการพลเรือนระดับ 1-7 หรือเทียบเท่า ให้ได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ปรับเพิ่มร้อยละ 3 ตามบัญชีอัตราเงินเดือนใหม่อีก 2 ขั้น
4) ส่วนราชการจัดทำบัญชีปรับอัตราเงินเดือนที่ปรับปรุงใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องมีคำสั่งสำหรับอัตราเงินเดือนที่ปรับปรุงใหม่ (บัญชีปรับอัตราเงินเดือนมีทั้งบัญชีประเภทเบิกจ่ายรายอัตรา และเบิกจ่ายรายตัว)
5) ส่วนราชการวางกฤษฎีกาเบิกเงินเดือนกับกรมบัญชีกลางหรือสำนักานคลังจังหวัดโดยใช้บัญชีปรับอัตราเงินเดือนตามข้อ 4) แนบฏีกา
6) การวางฏีกาเบิกเงินเดือนรายเดือนจะต้องวางฏีกาก่อนวันที่ 15 ของเดือน
2. การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือเงินเดือน
2.1 หลักเกณฑ์การเบิกจ่าย
1) ข้าราชการระดับ 8-11 ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนเดือนละจำนวนเท่ากับจำนวนเงินประจำตำแหน่ง
2) ข้าราชการระดับ 8 และ 8 ว ที่ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ได้รับเงินตอบแทนจำนวน 3,500 บาทต่อเดือน
3) ค่าตอบแทนเพิ่มสำหรับข้าราชการระดับ 1-7 กรณีอัตราเงินเดือนอยู่ในขั้นสูง ของอันดับหรือตำแหน่ง (เต็มขั้น)
4) ค่าตอบแทนเพิ่มสำหรับลูกจ้างประจำกรณีอัตราเงินเดือนอยู่ในขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง (เต็มขั้น)
2.2 ขั้นตอนการเบิกจ่าย ส่วนราชการออกคำสั่งให้ได้รับเงินค่าตอบแทน และวางฎีกาเบิกโดยไม่ต้องแนบเอกสารประกอบฏีกา แต่ให้แสดงรายละเอียดหลักฏีกาว่าเบิกจ่ายเป็นเงินค่าตอบแทนประเภทใดอัตราเท่าใดและเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นเท่าใด
2.3 กรณีมีการวางฏีกาเบิกเงิน กรมบัญชีกลางสามารถตรวจและอนุมัติภายใน 3 วันทำการ
3. การเบิกจ่ายค่าจ้าง
3.1 การเบิกจ่ายมีขั้นตอนการเบิกจ่ายเช่นเดียวกับการเบิกจ่ายเงินเดือน
3.2 ปัญหาอุปสรรคในการเบิกจ่ายค่าจ้างประจำ คือ ส่วนราชการยังไม่มีคำสั่งเลื่อนขั้นค่าจ้าง
4. การเบิกจ่ายเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ กรณีการปรับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ในอัตราร้อยละ 3 ของเงินเบี้ยหวัด หรือบำนาญ และ ช.ค.บ. ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... เสร็จแล้วอยู่ระหว่างส่งร่างให้ส่วนราชการที่ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบต่อไป โดยจะมีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นไป
สรุปผลการดำเนินงานการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพ
1. บำเหน็จดำรงชีพ หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพ = อัตราบำนาญบวกบำนาญพิเศษเหตุทุพพลภาพ (ถ้ามี) X15 แต่ไม่เกิน จำนวน 200,000 บาท โดยจะดำเนินการสั่งจ่ายบำนาญก่อนสั่งจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ เนื่องจากต้องใช้อัตราบำนาญเป็นฐานในการคำนวณ ซึ่งการสั่งจ่ายบำเหน็จดำรงชีพแล้วเสร็จภายใน 1 วัน ทำการและจะโอนเงิน เข้าบัญชีผู้มีสิทธิภายใน 5 วันทำการ กรณีไม่ประสงค์ขอรับบำเหน็จดำรงชีพพร้อมการขอรับบำนาญ จะยื่นขอรับบำเหน็จดำรงชีพ ได้ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปีเท่านั้น
2. บำเหน็จดำรงชีพของผู้รับบำนาญส่วนท้องถิ่น มีข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่นร้องเรียนถึงการขอรับบำเหน็จดำรงชีพ กระทรวงมหาดไทยซึ่งดูแลองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจร่างของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ผลการดำเนินงานมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
1. การเบิกจ่ายช่วยเหลือ (เงินก้อน) พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการของรัฐบาล พ.ศ. 2547 ประกาศใช้ ตั้งแต่ วันที่ 9 เมษายน 2547
1.1 หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ (เงินก้อน) เท่ากับ [8+ เวลาราชการที่เหลือ (ปี)
] x เงินเดือน เดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่า ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (เวลาราชการที่เหลือไม่ปัดเศษ)
1.2 เมื่อกรมบัญชีกลางได้รับเอกสารประกอบการเบิกจ่ายจากส่วนราชการครบถ้วนจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิ ภายใน 7 วันทำการ
2. การเบิกจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ
2.1 เกณฑ์การเบิกจ่ายเงิน
บำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
บำนาญปกติ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
50
บำนาญสมาชิก กบข. = เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย X เวลาราชการ
50
2.2 เมื่อกรมบัญชีกลางได้รับเอกสารครบถ้วนจะดำเนินการสั่งจ่ายบำเหน็จบำนาญภายใน 5 วันทำการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มิถุนายน 2547--จบ--
-กภ-