เรื่อง ร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคำร้องขอ
ใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครอง
พยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคำร้องขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแล้วให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป
กระทรวงยุติธรรมเสนอว่า โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 กำหนดให้พยานในคดีอาญาอาจได้รับการคุ้มครองตามมาตรการพิเศษ เมื่อปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานจะไม่ได้รับความปลอดภัย พยานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา พนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา หรือพนักงานผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาอาจยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สั่งใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคำร้องขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้พยานหรือบุคคลอื่นใดซึ่งมีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เพื่อขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานได้ เมื่อปรากฎแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานในคดีอย่างหนึ่งอย่างใดตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 จะไม่ได้รับความปลอดภัย
2. กำหนดให้การยื่นคำร้อง ณ สำนักงานตามแบบที่สำนักงานคุ้มครองพยานกำหนด พร้อมด้วยพยานหลักฐานประกอบ โดยในคำร้องต้องระบุข้อเท็จจริงที่คาดว่า พยานจะไม่ได้รับความปลอดภัยไว้ด้วย คำยินยอมให้ยื่นคำร้องให้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของพยานไว้เป็นสำคัญ
3. กำหนดให้การพิจารณาให้การคุ้มครองพยานฯ ให้สำนักงานคุ้มครองพยานพิจารณา โดยคำนึงถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวพยาน และบุคคลใกล้ชิด พฤติการณ์แห่งคดี ความไม่ปลอดภัยที่พยานจะได้รับ รวมทั้งข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายโดยเร็ว
4. กำหนดให้การดำเนินการเกี่ยวกับการรับคำร้องและการพิจารณาคำร้องให้ดำเนินการเป็นการลับโดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพยานเป็นสำคัญ
5. กำหนดให้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งพร้อมเหตุผลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานได้รับคำร้องและหลักฐานประกอบครบ ถ้าไม่มีคำสั่งภายในกำหนด ให้ถือว่าสั่งยกคำร้อง และต้องแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือต่อพยานหรือผู้ยื่นคำร้อง พร้อมทั้งแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวให้ทราบด้วย
6. กำหนดให้นำมาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานดังกล่าวใช้บังคับแก่กรณีที่พยานได้ร้องขอให้นำมาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานมาใช้บังคับแก่สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของพยาน หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยาน ซึ่งมีผลต่อการที่พยานจะมาเป็นพยานอาจไม่ได้รับความปลอดภัยด้วยโดยอนุโลม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-
ใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครอง
พยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคำร้องขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแล้วให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป
กระทรวงยุติธรรมเสนอว่า โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 กำหนดให้พยานในคดีอาญาอาจได้รับการคุ้มครองตามมาตรการพิเศษ เมื่อปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานจะไม่ได้รับความปลอดภัย พยานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง พนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา พนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา หรือพนักงานผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาอาจยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สั่งใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวง ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการยื่นและการพิจารณาคำร้องขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน พ.ศ. …. ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้พยานหรือบุคคลอื่นใดซึ่งมีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมาย เพื่อขอใช้มาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานได้ เมื่อปรากฎแน่ชัดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าพยานในคดีอย่างหนึ่งอย่างใดตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 จะไม่ได้รับความปลอดภัย
2. กำหนดให้การยื่นคำร้อง ณ สำนักงานตามแบบที่สำนักงานคุ้มครองพยานกำหนด พร้อมด้วยพยานหลักฐานประกอบ โดยในคำร้องต้องระบุข้อเท็จจริงที่คาดว่า พยานจะไม่ได้รับความปลอดภัยไว้ด้วย คำยินยอมให้ยื่นคำร้องให้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของพยานไว้เป็นสำคัญ
3. กำหนดให้การพิจารณาให้การคุ้มครองพยานฯ ให้สำนักงานคุ้มครองพยานพิจารณา โดยคำนึงถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวพยาน และบุคคลใกล้ชิด พฤติการณ์แห่งคดี ความไม่ปลอดภัยที่พยานจะได้รับ รวมทั้งข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายโดยเร็ว
4. กำหนดให้การดำเนินการเกี่ยวกับการรับคำร้องและการพิจารณาคำร้องให้ดำเนินการเป็นการลับโดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพยานเป็นสำคัญ
5. กำหนดให้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งพร้อมเหตุผลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานได้รับคำร้องและหลักฐานประกอบครบ ถ้าไม่มีคำสั่งภายในกำหนด ให้ถือว่าสั่งยกคำร้อง และต้องแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือต่อพยานหรือผู้ยื่นคำร้อง พร้อมทั้งแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวให้ทราบด้วย
6. กำหนดให้นำมาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานดังกล่าวใช้บังคับแก่กรณีที่พยานได้ร้องขอให้นำมาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยานมาใช้บังคับแก่สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของพยาน หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยาน ซึ่งมีผลต่อการที่พยานจะมาเป็นพยานอาจไม่ได้รับความปลอดภัยด้วยโดยอนุโลม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-