คณะรัฐมนตรีพิจารณาการบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน ตามที่กระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แล้วมีมติดังนี้ 1. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธานที่เห็นควรเน้นการส่งเสริมบทบาทของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันด้วย และสามารถตรวจสอบได้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
2. อนุมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า
1. ระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างระบบนิเวศบกและทะเล (ecotone) ที่ประกอบด้วย ทรัพยากรชายฝั่งทะเลที่สำคัญ อาทิ ป่าชายเลน ปะการัง และหญ้าทะเล ซึ่งมีลักษณะกายภาพของโครงสร้างระบบนิเวศที่ช่วยลดพลังงานคลื่นและรักษาสภาพชายฝั่งทะเล รวมทั้งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของชุมชนประมงที่อยู่อาศัยทำกินอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเล ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศชายฝั่งมีความเสื่อมโทรม เนื่องจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเป็นอันมาก ทั้งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ของประชาชน
2. ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยซึ่ง มีความยาวรวมประมาณ 2,600 กิโลเมตร แบ่งเป็นชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยมีความยาว 1,650 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่รวม 17 จังหวัด และชายฝั่งทะเลด้านอันดามันมีความยาว 950 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ รวม 6 จังหวัด ล้วนแต่ประสบปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ โดยได้มีการพยายามแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ถูกกัดเซาะด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมป้องกันเฉพาะจุดที่เกิดปัญหา ซึ่งนอกจากนี้จะไม่สามารถหยุดยั้งการสูญเสียที่ดินชายฝั่งทะเลแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสื่อมโทรมต่อพื้นที่ข้างเคียง
3. ปัญหาการดำเนินงานแก้ไขป้องกันพื้นที่ชายฝั่งไม่มีความเป็นเอกภาพ เนื่องด้วยมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบหลายส่วน เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กรมโยธราธิการและผังเมือง และอื่น ๆ การแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีลักษณะการดำเนินการเฉพาะส่วนที่แต่ละหน่วยงานมีภาระหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและหยุดยั้งการกัดเซาะชายฝั่งได้
4. เพื่อให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมอันส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสูญหายของความหลากหลายทางชีวภาพ บรรเทาลงจนถึงสามารถหยุดยั้งได้ รวมถึงมีการแก้ไขปัญหาที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณาการ และไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-
2. อนุมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า
1. ระบบนิเวศชายฝั่งทะเลเป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างระบบนิเวศบกและทะเล (ecotone) ที่ประกอบด้วย ทรัพยากรชายฝั่งทะเลที่สำคัญ อาทิ ป่าชายเลน ปะการัง และหญ้าทะเล ซึ่งมีลักษณะกายภาพของโครงสร้างระบบนิเวศที่ช่วยลดพลังงานคลื่นและรักษาสภาพชายฝั่งทะเล รวมทั้งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของชุมชนประมงที่อยู่อาศัยทำกินอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเล ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศชายฝั่งมีความเสื่อมโทรม เนื่องจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเป็นอันมาก ทั้งยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ของประชาชน
2. ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยซึ่ง มีความยาวรวมประมาณ 2,600 กิโลเมตร แบ่งเป็นชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยมีความยาว 1,650 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่รวม 17 จังหวัด และชายฝั่งทะเลด้านอันดามันมีความยาว 950 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ รวม 6 จังหวัด ล้วนแต่ประสบปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ โดยได้มีการพยายามแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ถูกกัดเซาะด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมป้องกันเฉพาะจุดที่เกิดปัญหา ซึ่งนอกจากนี้จะไม่สามารถหยุดยั้งการสูญเสียที่ดินชายฝั่งทะเลแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสื่อมโทรมต่อพื้นที่ข้างเคียง
3. ปัญหาการดำเนินงานแก้ไขป้องกันพื้นที่ชายฝั่งไม่มีความเป็นเอกภาพ เนื่องด้วยมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบหลายส่วน เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กรมโยธราธิการและผังเมือง และอื่น ๆ การแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีลักษณะการดำเนินการเฉพาะส่วนที่แต่ละหน่วยงานมีภาระหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและหยุดยั้งการกัดเซาะชายฝั่งได้
4. เพื่อให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมอันส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสูญหายของความหลากหลายทางชีวภาพ บรรเทาลงจนถึงสามารถหยุดยั้งได้ รวมถึงมีการแก้ไขปัญหาที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณาการ และไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-