คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานความคืบหน้าการรณรงค์มาตรการประหยัดพลังงาน ระหว่างวันที่ 19 มิถุนายน 2547 - 12 กรกฎาคม 2547 สรุปได้ดังนี้
1. มาตรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
1.1 มาตรการปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันหลังเวลา 24.00 น. มีสถานีจำหน่ายน้ำมันให้ความร่วมมือปิดบริการหลังเวลา 24.00 น. - 05.00 น. รวม 4,393 สถานี หรือคิดเฉลี่ยเป็นร้อยละ 62.6 (รายงานครั้งก่อน 3,570 สถานี และจากการสำรวจทั่วประเทศพบว่าช่วยให้ประชาชนลดการใช้น้ำมันได้ลง (รวมทุกผลิตภัณฑ์) 5.8%
1.2 มาตรการปิดไฟป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น. สมาคมผู้ผลิตป้ายโฆษณา มีสมาชิกจำนวน 125 ราย เป็นเจ้าของป้ายโฆษณารวม 1,040 ป้าย ปิดไฟส่องป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น. ไปแล้วรวม 728 ป้าย
1.3 มาตรการปิดไฟถนน กรมทางหลวงได้แจ้งให้ 15 เขต 88 แขวงการทาง ปิด ไฟฟ้าแสงสว่าง ยกเว้นบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น ย่านชุมชน โรงงาน บริเวณมอเตอร์เวย์ บริเวณสะพานลอยคนเดินข้าม สะพานกลับรถต่างระดับ บริเวณทางแยกและทางโค้ง
1.4 มาตรการเพิ่มภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดใหญ่ กระทรวงการคลังได้เชิญผู้ประกอบการรถยนต์มาหารือเรื่องโครงสร้างภาษีใหม่ รถประหยัดพลังงานที่ใช้นวัตกรรมใหม่ แก๊สธรรมชาติ พลังงานไฮโดรเจน หรือไฟฟ้า เสียภาษีรถยนต์ กำหนดจะเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราเดียวกันทุก ซีซี คือ 15% ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์นั่งบุคคลธรรมดา สำหรับประเภทรถยนต์นั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะรวมรถตู้ 7 ที่นั่ง ไม่เกิน 11 ที่นั่ง และรถออฟโรด กำหนดจะเก็บภาษีสรรพสามิตตามขนาด ซีซี.
1.5 มาตรการให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการประหยัดพลังงาน
1) ให้หน่วยงานรัฐลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน
- คณะรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมันในหน่วยงานลงให้เห็นผลทางปฏิบัติอย่างจริงจัง และให้รถราชการปรับปรุงรถเก่าหรือซื้อรถใหม่โดยคำนึงถึงการเลือกใช้พลังงานทางเลือก เช่น NGV และ Gasohol ด้วย
- เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมติดตามผลลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของทุกส่วนราชการ โดยแนะนำวิธีจัดทำแผนปฏิบัติการลดใช้พลังงานในหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานต้องสำรวจสถิติการใช้พลังงานภายในหน่วยงาน และนำมาพิจารณาลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ได้มากที่สุด แล้วกำหนดเป้าหมายที่จะลดใช้พลังงานแล้วทำให้เต็มที่ ขอความร่วมมือในการรายงานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันให้กระทรวงพลังงานทราบเป็นประจำเพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจลงมือปฏิบัติการลดใช้พลังงานเพิ่มขึ้น กระทรวงพลังงานได้มอบโล่รางวัลหน่วยงานประหยัดพลังงานดีเยี่ยมให้กับ 13 หน่วยงาน (จาก 284 หน่วยงาน) ที่ลดใช้พลังงานได้มากกว่า 10% เทียบกับปริมาณการใช้ในปี 2544
- กระทรวงพลังงานกำลังรวบรวมจำนวนรถยนต์และประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซธรรมชาติกับรถราชการ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบกลางมาใช้ในเรื่องดังกล่าวได้
2) กิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดไฟฟ้า
- "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" กระตุ้นกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า "ประเภทบ้านอยู่อาศัย" ในเขตของ กฟน. และกฟภ. ประมาณ 14 ล้านครัวเรือน ร่วมกันประหยัดไฟฟ้า
- หากครัวเรือนใดประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ร้อยละ 10 ของจำนวนหน่วยไฟฟ้าเฉลี่ยของบ้านตนเองใน 3 เดือน (คือ เดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม 2544) ก็จะได้รับส่วนลดร้อยละ 20 ของค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้
- ผลจากโครงการระยะแรก (เดือนกันยายน 2544 ถึง สิงหาคม 2545) มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับส่วนลด 4,648,454 ครัวเรือน ประหยัดไฟฟ้าได้ 3,067.56 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 9,089.86 ล้านบาท จำนวนเงินส่วนลดค่าไฟฟ้าที่กระทรวงพลังงานจ่ายไป 1,679.42 ล้านบาท
- จัดกิจกรรมเปิดตัว "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 2" เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2547
- หากครัวเรือนใดประหยัดไฟฟ้าของบ้านตัวเองได้ตั้งแต่ร้อยละ 10 ของหน่วยการใช้ไฟฟ้าในเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมาแล้ว จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 20 ของหน่วยไฟฟ้าที่ลดลงได้ในเดือนนั้น
- กระทรวงพลังงานจะนำตัวเลขการใช้ไฟฟ้ามาเทียบปริมาณการใช้และวิเคราะห์เหตุผลที่จำนวนหน่วยใช้ลดลง เพื่อทราบผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
2. การใช้พลังงานทดแทน
2.1 Biodiesel
1) แผนส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน กระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ปี 2547- 2572 โดยเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้สูงสุด 400,000 ไร่ต่อปี และในปี 2552 จะเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเป็น 3.6 ล้านไร่ ซึ่งทดแทนได้ 1% และในปี 2557 ทดแทนได้ 3% ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่กระทรวงพลังงานประมาณการไว้ นอกจากนี้กระทรวงพลังงานและกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมกันพิจารณาแนวทางอื่นเพื่อเร่งการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการนำมาใช้ผลิตไบโอดีเซล
2) การพัฒนาด้านไบโอดีเซล จัดตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้น้ำมันพืชใช้แล้วจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านทำแคบหมู เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ประมาณวันละ 2,000 ลิตร ผสมไบโอดีเซลกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วนร้อยละ 2 จำหน่วยในราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 สตางค์ เบื้องต้นจะให้รถสองแถวรับจ้าง 1,200 คัน เข้าร่วมโครงการ จากนี้กระทรวงพลังงานจะขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ เช่น ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี รวมทั้งรถของ ขสมก.
3) ความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อการพัฒนาด้านไบโอดีเซล ประเทศบราซิล สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายตลาดเอทานอลในเอเชีย รวมทั้งเทคโนโลยีผลัดเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอล และประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2547 กระทรวงพลังงานจะจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการด้าน Biofuel โดยประเทศบราซิลจะประสานและเชิญนักธุรกิจ/นักวิชาการด้านเอทานอลมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับฝ่ายไทย และไทยจะประสานและเชิญกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ด้วย
2.2 NGV เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2547 คณะกรรมการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่งได้สรุปการประชุมโดยมีข้อเสนอเพื่อเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่ใช้ NGV เช่น ลดอากรนำเข้าสำหรับอะไหล่สำรอง ยกเว้นอากรนำเข้าและภาษีสรรพสามิตเครื่องยนต์ ราคารถ NGV ส่วนเพิ่ม นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี และลดหย่อยภาษีรถยนต์ กระทรวงพลังงานจะประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม ด้านมาตรการภาษีสรรพสามิตของเครื่องยนต์ที่ใช้ NGV เพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้มากขึ้น โดยข้อสรุปเบื้องต้นจากกรมสรรพสามิตรถประหยัดพลังงานที่ใช้นวัตกรรมใหม่ อาจเป็นอัตราเดียวกันทั้งหมดคือ 15%
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. มาตรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
1.1 มาตรการปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันหลังเวลา 24.00 น. มีสถานีจำหน่ายน้ำมันให้ความร่วมมือปิดบริการหลังเวลา 24.00 น. - 05.00 น. รวม 4,393 สถานี หรือคิดเฉลี่ยเป็นร้อยละ 62.6 (รายงานครั้งก่อน 3,570 สถานี และจากการสำรวจทั่วประเทศพบว่าช่วยให้ประชาชนลดการใช้น้ำมันได้ลง (รวมทุกผลิตภัณฑ์) 5.8%
1.2 มาตรการปิดไฟป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น. สมาคมผู้ผลิตป้ายโฆษณา มีสมาชิกจำนวน 125 ราย เป็นเจ้าของป้ายโฆษณารวม 1,040 ป้าย ปิดไฟส่องป้ายโฆษณาหลังเวลา 22.00 น. ไปแล้วรวม 728 ป้าย
1.3 มาตรการปิดไฟถนน กรมทางหลวงได้แจ้งให้ 15 เขต 88 แขวงการทาง ปิด ไฟฟ้าแสงสว่าง ยกเว้นบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น ย่านชุมชน โรงงาน บริเวณมอเตอร์เวย์ บริเวณสะพานลอยคนเดินข้าม สะพานกลับรถต่างระดับ บริเวณทางแยกและทางโค้ง
1.4 มาตรการเพิ่มภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดใหญ่ กระทรวงการคลังได้เชิญผู้ประกอบการรถยนต์มาหารือเรื่องโครงสร้างภาษีใหม่ รถประหยัดพลังงานที่ใช้นวัตกรรมใหม่ แก๊สธรรมชาติ พลังงานไฮโดรเจน หรือไฟฟ้า เสียภาษีรถยนต์ กำหนดจะเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราเดียวกันทุก ซีซี คือ 15% ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์นั่งบุคคลธรรมดา สำหรับประเภทรถยนต์นั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะรวมรถตู้ 7 ที่นั่ง ไม่เกิน 11 ที่นั่ง และรถออฟโรด กำหนดจะเก็บภาษีสรรพสามิตตามขนาด ซีซี.
1.5 มาตรการให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้นำในการประหยัดพลังงาน
1) ให้หน่วยงานรัฐลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน
- คณะรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมันในหน่วยงานลงให้เห็นผลทางปฏิบัติอย่างจริงจัง และให้รถราชการปรับปรุงรถเก่าหรือซื้อรถใหม่โดยคำนึงถึงการเลือกใช้พลังงานทางเลือก เช่น NGV และ Gasohol ด้วย
- เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมติดตามผลลดใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของทุกส่วนราชการ โดยแนะนำวิธีจัดทำแผนปฏิบัติการลดใช้พลังงานในหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานต้องสำรวจสถิติการใช้พลังงานภายในหน่วยงาน และนำมาพิจารณาลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ได้มากที่สุด แล้วกำหนดเป้าหมายที่จะลดใช้พลังงานแล้วทำให้เต็มที่ ขอความร่วมมือในการรายงานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันให้กระทรวงพลังงานทราบเป็นประจำเพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจลงมือปฏิบัติการลดใช้พลังงานเพิ่มขึ้น กระทรวงพลังงานได้มอบโล่รางวัลหน่วยงานประหยัดพลังงานดีเยี่ยมให้กับ 13 หน่วยงาน (จาก 284 หน่วยงาน) ที่ลดใช้พลังงานได้มากกว่า 10% เทียบกับปริมาณการใช้ในปี 2544
- กระทรวงพลังงานกำลังรวบรวมจำนวนรถยนต์และประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซธรรมชาติกับรถราชการ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบกลางมาใช้ในเรื่องดังกล่าวได้
2) กิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดไฟฟ้า
- "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ" กระตุ้นกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า "ประเภทบ้านอยู่อาศัย" ในเขตของ กฟน. และกฟภ. ประมาณ 14 ล้านครัวเรือน ร่วมกันประหยัดไฟฟ้า
- หากครัวเรือนใดประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ร้อยละ 10 ของจำนวนหน่วยไฟฟ้าเฉลี่ยของบ้านตนเองใน 3 เดือน (คือ เดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม 2544) ก็จะได้รับส่วนลดร้อยละ 20 ของค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้
- ผลจากโครงการระยะแรก (เดือนกันยายน 2544 ถึง สิงหาคม 2545) มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับส่วนลด 4,648,454 ครัวเรือน ประหยัดไฟฟ้าได้ 3,067.56 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นเงิน 9,089.86 ล้านบาท จำนวนเงินส่วนลดค่าไฟฟ้าที่กระทรวงพลังงานจ่ายไป 1,679.42 ล้านบาท
- จัดกิจกรรมเปิดตัว "โครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ระยะที่ 2" เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2547
- หากครัวเรือนใดประหยัดไฟฟ้าของบ้านตัวเองได้ตั้งแต่ร้อยละ 10 ของหน่วยการใช้ไฟฟ้าในเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมาแล้ว จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 20 ของหน่วยไฟฟ้าที่ลดลงได้ในเดือนนั้น
- กระทรวงพลังงานจะนำตัวเลขการใช้ไฟฟ้ามาเทียบปริมาณการใช้และวิเคราะห์เหตุผลที่จำนวนหน่วยใช้ลดลง เพื่อทราบผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
2. การใช้พลังงานทดแทน
2.1 Biodiesel
1) แผนส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน กระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ปี 2547- 2572 โดยเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกได้สูงสุด 400,000 ไร่ต่อปี และในปี 2552 จะเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเป็น 3.6 ล้านไร่ ซึ่งทดแทนได้ 1% และในปี 2557 ทดแทนได้ 3% ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่กระทรวงพลังงานประมาณการไว้ นอกจากนี้กระทรวงพลังงานและกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมกันพิจารณาแนวทางอื่นเพื่อเร่งการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการนำมาใช้ผลิตไบโอดีเซล
2) การพัฒนาด้านไบโอดีเซล จัดตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้น้ำมันพืชใช้แล้วจากร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ร้านทำแคบหมู เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ประมาณวันละ 2,000 ลิตร ผสมไบโอดีเซลกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วนร้อยละ 2 จำหน่วยในราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 สตางค์ เบื้องต้นจะให้รถสองแถวรับจ้าง 1,200 คัน เข้าร่วมโครงการ จากนี้กระทรวงพลังงานจะขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ เช่น ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี รวมทั้งรถของ ขสมก.
3) ความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อการพัฒนาด้านไบโอดีเซล ประเทศบราซิล สนใจที่จะให้ความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายตลาดเอทานอลในเอเชีย รวมทั้งเทคโนโลยีผลัดเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอล และประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2547 กระทรวงพลังงานจะจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการด้าน Biofuel โดยประเทศบราซิลจะประสานและเชิญนักธุรกิจ/นักวิชาการด้านเอทานอลมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับฝ่ายไทย และไทยจะประสานและเชิญกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ด้วย
2.2 NGV เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2547 คณะกรรมการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคขนส่งได้สรุปการประชุมโดยมีข้อเสนอเพื่อเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่ใช้ NGV เช่น ลดอากรนำเข้าสำหรับอะไหล่สำรอง ยกเว้นอากรนำเข้าและภาษีสรรพสามิตเครื่องยนต์ ราคารถ NGV ส่วนเพิ่ม นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี และลดหย่อยภาษีรถยนต์ กระทรวงพลังงานจะประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม ด้านมาตรการภาษีสรรพสามิตของเครื่องยนต์ที่ใช้ NGV เพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้มากขึ้น โดยข้อสรุปเบื้องต้นจากกรมสรรพสามิตรถประหยัดพลังงานที่ใช้นวัตกรรมใหม่ อาจเป็นอัตราเดียวกันทั้งหมดคือ 15%
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-