คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 174/2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ
1. ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ ดังนี้
1.1 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ การยกเลิกหรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ รวมทั้งการจัดให้มีกฎหมายหรือกฎระเบียบขึ้นใหม่ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม หรือส่งเสริมการพัฒนาประเทศ หรือสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม
1.2 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ การให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจกฎหมาย และระบบการอำนวยความยุติธรรมของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเท่าเทียมกัน
1.3 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ ให้การใช้บังคับกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และต่อเนื่อง
1.4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ทั้งนี้ หากข้อเสนอใดนำไปสู่การยกเลิกหรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ หรือการจัดให้มีกฎหมายหรือกฎระเบียบใหม่ ก็ให้ยกร่างกฎหมายหรือกฎระเบียบนั้นเสนอมาเพื่อพิจารณาด้วย
2. เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังนี้
2.1 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือบุคคลให้ดำเนินการเรื่องอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบหรือให้ความเห็นชอบ
2.2 ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐส่งเอกสาร ข้อเท็จจริง หรือความเห็น ตลอดจนขอให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลที่แต่งตั้งตามข้อ 2.1 ได้
3. วิธีดำเนินการ
3.1 ในกรณีที่คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามคำสั่งนี้มีกรรมการหรืออนุกรรมการมาประชุม ตั้งแต่จำนวนหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ถือว่าเป็นองค์ประชุม
3.2 ให้มีการนัดประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยหนึ่งครั้งในสามเดือน เพื่อรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการ
3.3 ในการดำเนินงาน ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งตามข้อ 2.1 รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ ดังนี้
1.1 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ การยกเลิกหรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ รวมทั้งการจัดให้มีกฎหมายหรือกฎระเบียบขึ้นใหม่ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม หรือส่งเสริมการพัฒนาประเทศ หรือสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม
1.2 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ การให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจกฎหมาย และระบบการอำนวยความยุติธรรมของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเท่าเทียมกัน
1.3 ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะ ให้การใช้บังคับกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และต่อเนื่อง
1.4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ทั้งนี้ หากข้อเสนอใดนำไปสู่การยกเลิกหรือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ หรือการจัดให้มีกฎหมายหรือกฎระเบียบใหม่ ก็ให้ยกร่างกฎหมายหรือกฎระเบียบนั้นเสนอมาเพื่อพิจารณาด้วย
2. เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะกรรมการมีอำนาจ ดังนี้
2.1 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือบุคคลให้ดำเนินการเรื่องอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบหรือให้ความเห็นชอบ
2.2 ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐส่งเอกสาร ข้อเท็จจริง หรือความเห็น ตลอดจนขอให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลที่แต่งตั้งตามข้อ 2.1 ได้
3. วิธีดำเนินการ
3.1 ในกรณีที่คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามคำสั่งนี้มีกรรมการหรืออนุกรรมการมาประชุม ตั้งแต่จำนวนหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ถือว่าเป็นองค์ประชุม
3.2 ให้มีการนัดประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยหนึ่งครั้งในสามเดือน เพื่อรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการ
3.3 ในการดำเนินงาน ให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งตามข้อ 2.1 รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-