คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด โดยเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศ ในอัตราร้อยละ 3.45 — 128.11 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2546 เป็นเวลา 5 ปี นั้น กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการใช้มาตรการดังกล่าว ดังนี้
1. หลังจากได้ใช้มาตรการมาแล้ว 1 ปี ผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่นและยูเครนได้ร้องขอให้ทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ดังนี้
1.1 บริษัท JFE STEEL CORPORATION จากประเทศญี่ปุ่น กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้ฯ ของบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์/ตรวจสอบข้อมูล คาดว่าจะ นำเสนอคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อวินิจฉัยผลการทบทวนได้ภายในเดือนมิถุนายน 2548
1.2 บริษัท ILYICH IRON AND STEEL WORK ON MARIUPOL จากประเทศยูเครน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกประกาศเปิดการทบทวนและให้บริษัทชี้แจงข้อมูลตามกระบวนการ คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อวินิจฉัยผลการทบทวนได้ภายในเดือนสิงหาคม 2548
2. เนื่องจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวมีข้อยกเว้นการใช้มาตรการสำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำไปรีดเย็นต่อ 10 พิกัดย่อย ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 4 ประเภท คือยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก โดยผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนและผู้ใช้เหล็กรีดร้อนเพื่อนำไปรีดเย็นได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อกำหนดปริมาณนำเข้าที่ยกเว้นอากรตอบโต้ฯ และปริมาณที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าในประเทศระหว่างกันเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งหลังจากใช้มาตรการมา 1 ปี และสถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงไปทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่เพื่อปรับเพิ่มปริมาณนำเข้าที่ยกเว้นอากรตอบโต้ฯ และปริมาณที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าในประเทศตามความต้องการของตลาด และนำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 และคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติในหลักการให้ปรับเพิ่มปริมาณตามบันทึกความเข้าใจเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด โดยเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก 14 ประเทศ ในอัตราร้อยละ 3.45 — 128.11 ของราคา ซี.ไอ.เอฟ. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2546 เป็นเวลา 5 ปี นั้น กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการใช้มาตรการดังกล่าว ดังนี้
1. หลังจากได้ใช้มาตรการมาแล้ว 1 ปี ผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่นและยูเครนได้ร้องขอให้ทบทวนอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาด ดังนี้
1.1 บริษัท JFE STEEL CORPORATION จากประเทศญี่ปุ่น กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศเปิดการทบทวนอัตราอากรตอบโต้ฯ ของบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์/ตรวจสอบข้อมูล คาดว่าจะ นำเสนอคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อวินิจฉัยผลการทบทวนได้ภายในเดือนมิถุนายน 2548
1.2 บริษัท ILYICH IRON AND STEEL WORK ON MARIUPOL จากประเทศยูเครน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกประกาศเปิดการทบทวนและให้บริษัทชี้แจงข้อมูลตามกระบวนการ คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อวินิจฉัยผลการทบทวนได้ภายในเดือนสิงหาคม 2548
2. เนื่องจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวมีข้อยกเว้นการใช้มาตรการสำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำไปรีดเย็นต่อ 10 พิกัดย่อย ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 4 ประเภท คือยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องคุณภาพขอบเหล็ก โดยผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนและผู้ใช้เหล็กรีดร้อนเพื่อนำไปรีดเย็นได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อกำหนดปริมาณนำเข้าที่ยกเว้นอากรตอบโต้ฯ และปริมาณที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าในประเทศระหว่างกันเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งหลังจากใช้มาตรการมา 1 ปี และสถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงไปทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่เพื่อปรับเพิ่มปริมาณนำเข้าที่ยกเว้นอากรตอบโต้ฯ และปริมาณที่ผู้ใช้จะซื้อสินค้าในประเทศตามความต้องการของตลาด และนำเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 และคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติในหลักการให้ปรับเพิ่มปริมาณตามบันทึกความเข้าใจเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--