เรื่อง ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่าน
น้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (การปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือ)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (การปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือ) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการกำหนดให้เจ้าของเรือทุกประเภทที่ต้องขอรับใบอนุญาตใช้เรือต้องจัดให้มีการทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้โดยสาร
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม รายงานตามที่ กระทรวงพาณิชย์ (กรมการประกันภัย) แจ้งว่าคณะกรรมการปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือรับจ้าง ได้พิจารณาเห็นควรปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้าง ดังนี้
1. ให้เรือโดยสารทุกลำต้องจัดให้มีการประกันภัย สำหรับผู้โดยสารโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้โดยสารว่าจะเป็นเท่าใด และใช้รับจ้างหรือไม่ซึ่งเดิมกำหนดเฉพาะเรือที่รับจ้างบรรทุกโดยสารเกิน 12 คน เพื่อแสวงหากำไรเท่านั้น
2. ในการยื่นขอใบอนุญาตใช้เรือ เจ้าของเรือต้องจัดให้มีการประกันภัย ซึ่งเจ้าของเรือต้องเป็นผู้เอาประกันภัย โดยให้คนโดยสารที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการใช้เรือของตนเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย และกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดดังนี้
2.1 การเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือสูญเสียมือ เท้า หรือสายตาทั้งสองข้างคนละ 100,000 บาท (เดิม 50,000 บาท)
2.2 การสูญเสียมือ เท้า หรือสายตาหนึ่งข้างคนละ 60,000 บาท (เดิม 25,000 บาท)
2.3 ค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุหนึ่งครั้งคนละไม่เกิน 15,000 บาท (เดิมไม่เกิน 10,000 บาท)
3. ให้ลดอัตราเบี้ยประกันสำหรับเรือโดยสารตามจำนวนผู้โดยสาร ดังนี้
3.1 จำนวนผู้โดยสาร 1-12 คน เบี้ยประกันภัย 50-80 บาทต่อคน
3.2 จำนวนผู้โดยสาร 13-50 คน เบี้ยประกันภัย 70-100 บาทต่อคน
3.3 จำนวนผู้โดยสาร 51 คนขึ้นไป เบี้ยประกันภัย 90-150 บาทต่อคน (เดิมกำหนดเฉพาะเรือที่รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารเกิน 12 คน เบี้ยประกัน 100-150 บาทต่อคน)
4. กำหนดเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 200 บาท ต่อกรมธรรม์ประกันภัยหนึ่งฉบับและขอความร่วมมือให้แก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 ให้เป็นไปตามข้อ 1 และข้อ 2
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. การขอรับใบอนุญาตใช้เรือใด ๆ ที่สามารถบรรทุกคนโดยสารได้เจ้าของเรือต้องจัดให้มีประกันภัยสำหรับผู้โดยสารและให้ยื่นสัญญาประกันภัยเพื่อแสดงเป็นเอกสารหลักฐานประกอบในการขอรับใบอนุญาตใช้เรือ
2. ใบอนุญาตใช้ที่ระบุว่าสามารถบรรทุกคนโดยสารอยู่ด้วยนั้นให้ใบอนุญาตมีอายุไม่เกินกว่าอายุความคุ้มครองตามที่ระบุในกรมธรรม์ ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันอนุญาต
3. สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัย เจ้าของเรือต้องเป็นผู้เอาประกันภัย และอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองคนโดยสาร ในกรณีเกิดอุบัติเหตุเนื่องมาจากการใช้เรือ ความเสียหายที่ได้รับความคุ้มครองได้แก่ความเสียหายที่คนโดยสารได้รับอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย ทุพพลภาพโดยสิ้นเชิงสูญเสียอวัยวะ หรือบาดเจ็บ
4. จำนวนเงินที่ได้เอาประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยต้องไม่น้อยกว่าอัตรา ดังนี้
1. การสูญเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือสูญเสียมือ เท้า สายตาสองข้างคนละ 100,000 บาท
2. การสูญเสียอวัยวะ มือ เท้า สายตาหนึ่งข้างคนละ 60,000 บาท
3. ค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุหนึ่งครั้งละไม่เกิน 15,000 บาท
5. กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-
น้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (การปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือ)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 (การปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือ) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการกำหนดให้เจ้าของเรือทุกประเภทที่ต้องขอรับใบอนุญาตใช้เรือต้องจัดให้มีการทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองผู้โดยสาร
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม รายงานตามที่ กระทรวงพาณิชย์ (กรมการประกันภัย) แจ้งว่าคณะกรรมการปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือรับจ้าง ได้พิจารณาเห็นควรปรับปรุงการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้าง ดังนี้
1. ให้เรือโดยสารทุกลำต้องจัดให้มีการประกันภัย สำหรับผู้โดยสารโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้โดยสารว่าจะเป็นเท่าใด และใช้รับจ้างหรือไม่ซึ่งเดิมกำหนดเฉพาะเรือที่รับจ้างบรรทุกโดยสารเกิน 12 คน เพื่อแสวงหากำไรเท่านั้น
2. ในการยื่นขอใบอนุญาตใช้เรือ เจ้าของเรือต้องจัดให้มีการประกันภัย ซึ่งเจ้าของเรือต้องเป็นผู้เอาประกันภัย โดยให้คนโดยสารที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการใช้เรือของตนเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย และกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดดังนี้
2.1 การเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือสูญเสียมือ เท้า หรือสายตาทั้งสองข้างคนละ 100,000 บาท (เดิม 50,000 บาท)
2.2 การสูญเสียมือ เท้า หรือสายตาหนึ่งข้างคนละ 60,000 บาท (เดิม 25,000 บาท)
2.3 ค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุหนึ่งครั้งคนละไม่เกิน 15,000 บาท (เดิมไม่เกิน 10,000 บาท)
3. ให้ลดอัตราเบี้ยประกันสำหรับเรือโดยสารตามจำนวนผู้โดยสาร ดังนี้
3.1 จำนวนผู้โดยสาร 1-12 คน เบี้ยประกันภัย 50-80 บาทต่อคน
3.2 จำนวนผู้โดยสาร 13-50 คน เบี้ยประกันภัย 70-100 บาทต่อคน
3.3 จำนวนผู้โดยสาร 51 คนขึ้นไป เบี้ยประกันภัย 90-150 บาทต่อคน (เดิมกำหนดเฉพาะเรือที่รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารเกิน 12 คน เบี้ยประกัน 100-150 บาทต่อคน)
4. กำหนดเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ 200 บาท ต่อกรมธรรม์ประกันภัยหนึ่งฉบับและขอความร่วมมือให้แก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ. 2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 ให้เป็นไปตามข้อ 1 และข้อ 2
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. การขอรับใบอนุญาตใช้เรือใด ๆ ที่สามารถบรรทุกคนโดยสารได้เจ้าของเรือต้องจัดให้มีประกันภัยสำหรับผู้โดยสารและให้ยื่นสัญญาประกันภัยเพื่อแสดงเป็นเอกสารหลักฐานประกอบในการขอรับใบอนุญาตใช้เรือ
2. ใบอนุญาตใช้ที่ระบุว่าสามารถบรรทุกคนโดยสารอยู่ด้วยนั้นให้ใบอนุญาตมีอายุไม่เกินกว่าอายุความคุ้มครองตามที่ระบุในกรมธรรม์ ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันอนุญาต
3. สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัย เจ้าของเรือต้องเป็นผู้เอาประกันภัย และอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการคุ้มครองคนโดยสาร ในกรณีเกิดอุบัติเหตุเนื่องมาจากการใช้เรือ ความเสียหายที่ได้รับความคุ้มครองได้แก่ความเสียหายที่คนโดยสารได้รับอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย ทุพพลภาพโดยสิ้นเชิงสูญเสียอวัยวะ หรือบาดเจ็บ
4. จำนวนเงินที่ได้เอาประกันตามกรมธรรม์ประกันภัยต้องไม่น้อยกว่าอัตรา ดังนี้
1. การสูญเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือสูญเสียมือ เท้า สายตาสองข้างคนละ 100,000 บาท
2. การสูญเสียอวัยวะ มือ เท้า สายตาหนึ่งข้างคนละ 60,000 บาท
3. ค่ารักษาพยาบาลต่ออุบัติเหตุหนึ่งครั้งละไม่เกิน 15,000 บาท
5. กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-