คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... รวมทั้งประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 8 (ฝ่ายกฎหมาย) และให้นำผลการสัมมนาและความเห็นเพิ่มเติมรวมทั้งประเด็นอภิปรายดังกล่าวส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อนำไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ โดยขอให้พิจารณาในคณะกรรมการชุดพิเศษ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มีความเห็นสรุปได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เรื่อง การอนุญาตประกอบกิจการและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เห็นว่า ตามร่างมาตรา 12 ที่กำหนดให้กรมประชาสัมพันธ์ได้รับยกเว้นไม่ต้องรับใบอนุญาตประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ นั้น น่าจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญสมควรตัดออก เนื่องจากทุกหน่วยงานควรอยู่ภายใต้การควบคุมเช่นเดียวกัน ส่วนหน่วยงานใดจะอยู่ในข่ายได้รับการยกเว้นในเรื่องใด ให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งควรได้รับความเห็นชอบจาก กสช.ก่อน
กลุ่มที่ 2 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของผู้ดำเนินรายการและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของบุคลากรในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เห็นว่า ผู้ทำหน้าที่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จะมาจากบุคคลด้านนิติ-บัญญัติ หรือข้าราชการการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในระยะที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวมิได้ใช้อิทธิพลหรือตำแหน่งทางการเมืองให้เกิดความเสียหายแต่ประการใด ดังนั้น สมควรแก้ไขความในร่างมาตรา 34 โดยควรห้ามเฉพาะกรณีเป็นผู้รับใบอนุญาตเท่านั้น
กลุ่มที่ 3 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการควบคุมการโฆษณาที่ไม่เหมาะสมและการผูกขาดเวลา เห็นว่า การผูกขาดเวลาไม่ควรใช้มาตรการทางกฎหมายแต่ควรใช้มาตรการทางการบริหาร และเห็นควรนำคำนิยาม "ช่องความถี่" "ย่านความถี่" "รายการ" ตามคำนิยามในร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์ ยมจินดา กับคณะ) เสนอมาบัญญัติไว้ด้วย
กลุ่มที่ 4 การศึกษาเปรียบเทียบร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ของคณะรัฐมนตรีและของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์ ยมจินดา กับคณะ) เห็นว่า ควรนำคำนิยาม "กิจการกระจายเสียง" "กิจการโทรทัศน์" "โครงข่าย" และ "บริการแบบบอกรับสมาชิก" ตามร่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์) มากำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วย และควรกำหนดคำนิยาม "การประกอบกิจการบริการสาธารณะ" "การประกอบกิจการบริการชุมชน" และ "การประกอบกิจการทางธุรกิจ" ด้วย เพื่อความชัดเจนสำหรับความเห็นเพิ่มเติมของบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ลเน็ตเวอร์ด จำกัด (มหาชน) ในเรื่องการขอรับใบอนุญาต สัดส่วนการถือหุ้น การต่อใบอนุญาต อัตราค่าบริการแบบบอกรับเป็นสมาชิก และการรับรองสิทธิของผู้ประกอบการ นั้น เห็นว่า บางเรื่องทำได้ บางเรื่องสามารถแก้ไขทางบริหารและบางเรื่องทำไม่ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-
คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาผลการสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มีความเห็นสรุปได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เรื่อง การอนุญาตประกอบกิจการและประเภทของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เห็นว่า ตามร่างมาตรา 12 ที่กำหนดให้กรมประชาสัมพันธ์ได้รับยกเว้นไม่ต้องรับใบอนุญาตประกอบกิจการตามพระราชบัญญัตินี้ นั้น น่าจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญสมควรตัดออก เนื่องจากทุกหน่วยงานควรอยู่ภายใต้การควบคุมเช่นเดียวกัน ส่วนหน่วยงานใดจะอยู่ในข่ายได้รับการยกเว้นในเรื่องใด ให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งควรได้รับความเห็นชอบจาก กสช.ก่อน
กลุ่มที่ 2 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของผู้ดำเนินรายการและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของบุคลากรในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เห็นว่า ผู้ทำหน้าที่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จะมาจากบุคคลด้านนิติ-บัญญัติ หรือข้าราชการการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในระยะที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวมิได้ใช้อิทธิพลหรือตำแหน่งทางการเมืองให้เกิดความเสียหายแต่ประการใด ดังนั้น สมควรแก้ไขความในร่างมาตรา 34 โดยควรห้ามเฉพาะกรณีเป็นผู้รับใบอนุญาตเท่านั้น
กลุ่มที่ 3 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการควบคุมการโฆษณาที่ไม่เหมาะสมและการผูกขาดเวลา เห็นว่า การผูกขาดเวลาไม่ควรใช้มาตรการทางกฎหมายแต่ควรใช้มาตรการทางการบริหาร และเห็นควรนำคำนิยาม "ช่องความถี่" "ย่านความถี่" "รายการ" ตามคำนิยามในร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์ ยมจินดา กับคณะ) เสนอมาบัญญัติไว้ด้วย
กลุ่มที่ 4 การศึกษาเปรียบเทียบร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. .... ของคณะรัฐมนตรีและของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์ ยมจินดา กับคณะ) เห็นว่า ควรนำคำนิยาม "กิจการกระจายเสียง" "กิจการโทรทัศน์" "โครงข่าย" และ "บริการแบบบอกรับสมาชิก" ตามร่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายจักรพันธ์) มากำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วย และควรกำหนดคำนิยาม "การประกอบกิจการบริการสาธารณะ" "การประกอบกิจการบริการชุมชน" และ "การประกอบกิจการทางธุรกิจ" ด้วย เพื่อความชัดเจนสำหรับความเห็นเพิ่มเติมของบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ลเน็ตเวอร์ด จำกัด (มหาชน) ในเรื่องการขอรับใบอนุญาต สัดส่วนการถือหุ้น การต่อใบอนุญาต อัตราค่าบริการแบบบอกรับเป็นสมาชิก และการรับรองสิทธิของผู้ประกอบการ นั้น เห็นว่า บางเรื่องทำได้ บางเรื่องสามารถแก้ไขทางบริหารและบางเรื่องทำไม่ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-