คณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพ
ยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแล้วมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปจาก 5,000 บาทต่อตัน เป็น 2,500 บาทต่อตัน
2. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณาดำเนินการออกประกาศกำหนดและ
ปรับเปลี่ยนอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวในกรณีของตลาดสหภาพยุโรปไปก่อนได้แล้วรายงานให้
คณะรัฐมนตรีทราบในภายหลังทุกครั้ง
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. ปัจจุบันสหภาพยุโรปได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวโดยปรับลดอัตราภาษีนำเข้าข้าวขาวจาก 416 ยูโรต่อตันเป็น 175 ยูโรต่อตัน และข้าวกล้องจาก 264 ยูโรต่อตัน เป็น 65 ยูโรต่อตัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547 ส่วนข้าวหักยังคงอัตราภาษีเดิมเพื่อเป็นการลดภาระต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของข้าวขาวไทยในตลาดสหภาพยุโรป จึงควรลดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปตามข้อ 1. โดยมีแนวทางการคำนวณ ดังนี้
1.1 แบ่งผลประโยชน์จากอัตราภาษีนำเข้าใหม่ออกเป็น 2 ส่วน ให้แก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกเท่า ๆ กัน คือ รายละ 87.5 ยูโร แล้วแบ่งผลประโยชน์จากส่วนของผู้ส่งออก 2 ใน 3 มาให้แก่กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้แก่ 58.33 ยูโร คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 52 บาทต่อยูโร คิดเป็นค่าธรรมเนียมตันละ 3,033.16 บาท
1.2 นำผลประโยชน์จากการยกเว้นภาษีนำเข้าอัตราใหม่ตันละ 175 ยูโร แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเท่า ๆ กัน คิดเป็นส่วนละ 58.33 ยูโร คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 52 บาท คิดเป็นค่าธรรมเนียมตันละ 3,033.16 บาท
2. หลักการคำนวณตามอัตราภาษีนำเข้าข้าวใหม่ของสหภาพยุโรป ซึ่งได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าข้าวขาวลดลงจาก 416 ยูโรต่อตัน เป็น 175 ยูโรต่อตัน หรือลดลง คิดเป็นร้อยละ 57.97 ของอัตราภาษีเดิม ดังนั้น อัตราค่าธรรมเนียมควรลดลงให้สอดคล้องกับอัตราภาษีนำเข้าที่ลดลงดังกล่าว ซึ่งได้คำนวณแล้วเท่ากับ 2,101.50 บาท
3. การปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ส่งออกข้าวของไทย ส่วนเงินค่าธรรมเนียมพิเศษที่ยังคงเก็บนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องข้าวทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมพัฒนาการผลิต การตลาด และการปกป้องรักษาผลประโยชน์ทางการค้าข้าว
4. เนื่องจากการแข่งขันการค้าข้าวในตลาดโลกปัจจุบันจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เป็นไปโดยรวดเร็วและทันเหตุการณ์ตลอดเวลา ประกอบกับตลาดข้าวของไทยในสหภาพยุโรปก็ประสบปัญหาหลักเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีมาโดยตลอด ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์ได้รับอนุมัติในหลักการในการดำเนินการออกประเทศกำหนดและปรับเปลี่ยนอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวตามข้อ 2 ก็จะเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ส่งออกข้าวไทยให้มีความคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบัน และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารด้านการตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไทยไม่ให้เสียเปรียบประเทศคู่แข่งขัน อันจะส่งผลดีต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวนาไทยโดยรวม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 มกราคม 2548--จบ--
ยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแล้วมีมติดังนี้
1. ให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปจาก 5,000 บาทต่อตัน เป็น 2,500 บาทต่อตัน
2. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์สามารถพิจารณาดำเนินการออกประกาศกำหนดและ
ปรับเปลี่ยนอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวในกรณีของตลาดสหภาพยุโรปไปก่อนได้แล้วรายงานให้
คณะรัฐมนตรีทราบในภายหลังทุกครั้ง
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. ปัจจุบันสหภาพยุโรปได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวโดยปรับลดอัตราภาษีนำเข้าข้าวขาวจาก 416 ยูโรต่อตันเป็น 175 ยูโรต่อตัน และข้าวกล้องจาก 264 ยูโรต่อตัน เป็น 65 ยูโรต่อตัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2547 ส่วนข้าวหักยังคงอัตราภาษีเดิมเพื่อเป็นการลดภาระต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของข้าวขาวไทยในตลาดสหภาพยุโรป จึงควรลดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวไปสหภาพยุโรปตามข้อ 1. โดยมีแนวทางการคำนวณ ดังนี้
1.1 แบ่งผลประโยชน์จากอัตราภาษีนำเข้าใหม่ออกเป็น 2 ส่วน ให้แก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกเท่า ๆ กัน คือ รายละ 87.5 ยูโร แล้วแบ่งผลประโยชน์จากส่วนของผู้ส่งออก 2 ใน 3 มาให้แก่กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้แก่ 58.33 ยูโร คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 52 บาทต่อยูโร คิดเป็นค่าธรรมเนียมตันละ 3,033.16 บาท
1.2 นำผลประโยชน์จากการยกเว้นภาษีนำเข้าอัตราใหม่ตันละ 175 ยูโร แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเท่า ๆ กัน คิดเป็นส่วนละ 58.33 ยูโร คูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 52 บาท คิดเป็นค่าธรรมเนียมตันละ 3,033.16 บาท
2. หลักการคำนวณตามอัตราภาษีนำเข้าข้าวใหม่ของสหภาพยุโรป ซึ่งได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าข้าวขาวลดลงจาก 416 ยูโรต่อตัน เป็น 175 ยูโรต่อตัน หรือลดลง คิดเป็นร้อยละ 57.97 ของอัตราภาษีเดิม ดังนั้น อัตราค่าธรรมเนียมควรลดลงให้สอดคล้องกับอัตราภาษีนำเข้าที่ลดลงดังกล่าว ซึ่งได้คำนวณแล้วเท่ากับ 2,101.50 บาท
3. การปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ส่งออกข้าวของไทย ส่วนเงินค่าธรรมเนียมพิเศษที่ยังคงเก็บนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องข้าวทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมพัฒนาการผลิต การตลาด และการปกป้องรักษาผลประโยชน์ทางการค้าข้าว
4. เนื่องจากการแข่งขันการค้าข้าวในตลาดโลกปัจจุบันจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เป็นไปโดยรวดเร็วและทันเหตุการณ์ตลอดเวลา ประกอบกับตลาดข้าวของไทยในสหภาพยุโรปก็ประสบปัญหาหลักเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีมาโดยตลอด ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์ได้รับอนุมัติในหลักการในการดำเนินการออกประเทศกำหนดและปรับเปลี่ยนอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวตามข้อ 2 ก็จะเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ส่งออกข้าวไทยให้มีความคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบัน และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารด้านการตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไทยไม่ให้เสียเปรียบประเทศคู่แข่งขัน อันจะส่งผลดีต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวนาไทยโดยรวม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 มกราคม 2548--จบ--