คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงานให้ผู้ปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ได้รับเงินสวัสดิการพิเศษได้ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้
(1) ต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำในหน่วยงานที่ตั้งประจำทำการตามปกติในสามจังหวัดภาคใต้ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสเท่านั้นโดยมิใช่หน่วยงานที่ตั้งเฉพาะกิจหรือหน่วยพิเศษ
(2) บุคลากรที่จะได้รับเงินต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานประจำอยู่แล้ว มิใช่เป็นการส่งไปปฏิบัติงานเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องเป็นครั้งคราว
(3) ให้ใช้อัตรา กำหนดเวลา และเงื่อนไขเดียวกับที่ทางราชการจ่ายแก่บุคลากรของรัฐประเภทอื่น
(4) ให้ใช้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ เอง และมิให้เบิกจ่ายหรือขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากทางราชการ
(5) ให้ความเห็นชอบแก่รัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่เข้าตามหลักเกณฑ์นี้ในกรณีมีคำขอมาจากรัฐวิสาหกิจใดในอนาคต หากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เห็นชอบก็ให้ดำเนินการไปได้
(6) ขอให้แต่ละรัฐวิสาหกิจกวดขันให้มีการเบิกจ่ายได้จริงอย่าให้ติดค้างจนเป็นเหตุให้มีการร้องเรียน
อนึ่ง แม้เงินสวัสดิการนี้ เป็นสิทธิประโยชน์ชนิดหนึ่งก็ให้ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์พิเศษชั่วคราวนอกเหนือสภาพการจ้างตามปกติ
กรณีความล่าช้าในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
แนวทางการแก้ไข เมื่อตรวจสอบงบประมาณของแต่ละส่วนราชการแล้ว เห็นว่ายังมีงบประมาณเหลืออยู่อีกมาก โดยเฉพาะงบประมาณหมวดค่าจ้าง ค่าตอบแทน รายการที่ต้องจ่ายแก่ผู้ลาออกก่อนเกษียณอายุ ซึ่งบางส่วนราชการตั้งงบประมาณไว้สูง แต่มีผู้ลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุน้อย ทำให้มีเงินเหลือ และหากไม่นำงบประมาณส่วนนี้มาใช้ก่อน นอกจากจะเป็นภาระแก่งงบกลางซึ่งบัดนี้เหลือเพียงประมาณ 4,000 ล้านบาท อันอาจต้องนำไปใช้เพื่อบรรเทาปัญหาสาธารณภัยที่มีมาโดยฉุกเฉินในขณะนี้แล้ว อาจเป็นช่องทางให้มีการโอนงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็น และเกิดปัญหาต่อวินัยการคลังในภาพรวมได้ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด จึงเห็นควรให้ใช้มาตรการดังต่อไปนี้
(1) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส เร่งประกาศกำหนดตำแหน่งหรือตัวบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่และสมควรได้รับเงินค่าตอบแทนในอัตราพิเศษตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดแล้วรายงานให้สำนักงบประมาณทราบภายในวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้
(2) ให้ส่วนราชการทุกแห่งที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวและสมควรได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษจากงบดำเนินงานปกติของตนเท่าที่มีอยู่ หรือมิฉะนั้นให้โอนเปลี่ยนแปลงตามอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นเสียก่อน
(3) ในกรณีจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณหรือปรับแผนการดำเนินงานจากงบประมาณที่ได้รับมาเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือน ก็ให้ส่วนราชการขอตกลงกับสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการนับแต่ได้รับเรื่องจากส่วนราชการและส่วนราชการจะขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงวดตรงไปที่จังหวัดเลยก็ได้
(4) ให้ส่วนราชการใช้เงินงบประมาณงบบุคลากรที่คงเหลือ เนื่องจากมาตรการเกษียณก่อนกำหนดมาเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนตัวอย่าง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการ 257 ราย เป็นเงิน 7,710,000 บาท แต่มีเงินเหลือจ่ายจากโครงการเกษียณก่อนกำหนดประมาณ 40,000,000 บาท จึงควรใช้เงินจากส่วนนี้เสียก่อน
(5) ในการดำเนินการข้างต้น หากงบประมาณของส่วนราชการไม่เพียงพอให้เสนอของบประมาณกลางได้โดยให้ส่วนราชการขอทำความตกลงการใช้งบประมาณกับสำนักงบประมาณโดยตรง ไม่ต้องผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อความรวดเร็ว ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะไม่อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลง รายการให้ส่วนราชการที่เสนอขอใช้งบกลางในทุกกรณี เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเฉพาะราย กำหนดเวลาในการทำความตกลงใช้งบกลางต้องไม่เกินวันที่ 27 สิงหาคม 2547 เพื่อจะได้มีเวลาพิจารณาอนุมัติและจัดสรรงบประมาณได้ทัน
(6) ให้กรมบัญชีกลางจัดทำคู่มือถาม-ตอบ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตอบแทนพิเศษ แจกจ่ายแก่ข้าราชการในพื้นที่
(7) ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 15 กันยายน 2547 หากยังมีการค้างจ่ายอยู่อีกและมีการร้องเรียนให้ถือว่าผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องมีความผิดวินัย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-
(1) ต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำในหน่วยงานที่ตั้งประจำทำการตามปกติในสามจังหวัดภาคใต้ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสเท่านั้นโดยมิใช่หน่วยงานที่ตั้งเฉพาะกิจหรือหน่วยพิเศษ
(2) บุคลากรที่จะได้รับเงินต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานประจำอยู่แล้ว มิใช่เป็นการส่งไปปฏิบัติงานเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องเป็นครั้งคราว
(3) ให้ใช้อัตรา กำหนดเวลา และเงื่อนไขเดียวกับที่ทางราชการจ่ายแก่บุคลากรของรัฐประเภทอื่น
(4) ให้ใช้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ เอง และมิให้เบิกจ่ายหรือขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากทางราชการ
(5) ให้ความเห็นชอบแก่รัฐวิสาหกิจทุกแห่งที่เข้าตามหลักเกณฑ์นี้ในกรณีมีคำขอมาจากรัฐวิสาหกิจใดในอนาคต หากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เห็นชอบก็ให้ดำเนินการไปได้
(6) ขอให้แต่ละรัฐวิสาหกิจกวดขันให้มีการเบิกจ่ายได้จริงอย่าให้ติดค้างจนเป็นเหตุให้มีการร้องเรียน
อนึ่ง แม้เงินสวัสดิการนี้ เป็นสิทธิประโยชน์ชนิดหนึ่งก็ให้ถือว่าเป็นสิทธิประโยชน์พิเศษชั่วคราวนอกเหนือสภาพการจ้างตามปกติ
กรณีความล่าช้าในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
แนวทางการแก้ไข เมื่อตรวจสอบงบประมาณของแต่ละส่วนราชการแล้ว เห็นว่ายังมีงบประมาณเหลืออยู่อีกมาก โดยเฉพาะงบประมาณหมวดค่าจ้าง ค่าตอบแทน รายการที่ต้องจ่ายแก่ผู้ลาออกก่อนเกษียณอายุ ซึ่งบางส่วนราชการตั้งงบประมาณไว้สูง แต่มีผู้ลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุน้อย ทำให้มีเงินเหลือ และหากไม่นำงบประมาณส่วนนี้มาใช้ก่อน นอกจากจะเป็นภาระแก่งงบกลางซึ่งบัดนี้เหลือเพียงประมาณ 4,000 ล้านบาท อันอาจต้องนำไปใช้เพื่อบรรเทาปัญหาสาธารณภัยที่มีมาโดยฉุกเฉินในขณะนี้แล้ว อาจเป็นช่องทางให้มีการโอนงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็น และเกิดปัญหาต่อวินัยการคลังในภาพรวมได้ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด จึงเห็นควรให้ใช้มาตรการดังต่อไปนี้
(1) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส เร่งประกาศกำหนดตำแหน่งหรือตัวบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่และสมควรได้รับเงินค่าตอบแทนในอัตราพิเศษตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดแล้วรายงานให้สำนักงบประมาณทราบภายในวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้
(2) ให้ส่วนราชการทุกแห่งที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวและสมควรได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษจากงบดำเนินงานปกติของตนเท่าที่มีอยู่ หรือมิฉะนั้นให้โอนเปลี่ยนแปลงตามอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นเสียก่อน
(3) ในกรณีจำเป็นต้องโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณหรือปรับแผนการดำเนินงานจากงบประมาณที่ได้รับมาเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือน ก็ให้ส่วนราชการขอตกลงกับสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันทำการนับแต่ได้รับเรื่องจากส่วนราชการและส่วนราชการจะขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรงวดตรงไปที่จังหวัดเลยก็ได้
(4) ให้ส่วนราชการใช้เงินงบประมาณงบบุคลากรที่คงเหลือ เนื่องจากมาตรการเกษียณก่อนกำหนดมาเป็นค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนตัวอย่าง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการ 257 ราย เป็นเงิน 7,710,000 บาท แต่มีเงินเหลือจ่ายจากโครงการเกษียณก่อนกำหนดประมาณ 40,000,000 บาท จึงควรใช้เงินจากส่วนนี้เสียก่อน
(5) ในการดำเนินการข้างต้น หากงบประมาณของส่วนราชการไม่เพียงพอให้เสนอของบประมาณกลางได้โดยให้ส่วนราชการขอทำความตกลงการใช้งบประมาณกับสำนักงบประมาณโดยตรง ไม่ต้องผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อความรวดเร็ว ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะไม่อนุมัติการโอนเปลี่ยนแปลง รายการให้ส่วนราชการที่เสนอขอใช้งบกลางในทุกกรณี เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเฉพาะราย กำหนดเวลาในการทำความตกลงใช้งบกลางต้องไม่เกินวันที่ 27 สิงหาคม 2547 เพื่อจะได้มีเวลาพิจารณาอนุมัติและจัดสรรงบประมาณได้ทัน
(6) ให้กรมบัญชีกลางจัดทำคู่มือถาม-ตอบ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับเงินตอบแทนพิเศษ แจกจ่ายแก่ข้าราชการในพื้นที่
(7) ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ให้จ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 15 กันยายน 2547 หากยังมีการค้างจ่ายอยู่อีกและมีการร้องเรียนให้ถือว่าผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องมีความผิดวินัย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-