คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
ศธ. เสนอว่า
1. พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2544 มาตรา 12 บัญญัติให้มีคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวนห้าคน และมีผู้อำนวยการบริหารสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เป็นกรรมการและเลขานุการ
2. โดยที่มาตรา 17 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว บัญญัติให้คณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนามีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหารงาน การจัดหาทุน การให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงาน ออกระเบียบข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหารทั่วไปของสถาบันตามที่กำหนด ซึ่งเมื่อพิจารณาอำนาจหน้าที่ดังกล่าวแล้วเห็นว่า บุคคลที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ ควรเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูง ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์แก่กิจการของสถาบัน จึงสมควรแก้ไขที่มาของตำแหน่งประธานกรรมการ จาก “ปลัดกระทรวงศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม” เป็น “ประธานกรรมการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำแนะนำของรัฐมนตรี” ประกอบกับสมควรแก้ไขชื่อตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม” เป็น “ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ” เพื่อให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน
สาระสำคัญของเรื่อง
1. แก้ไขปรับปรุงผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ แทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นกรรมการ โดยตำแหน่ง
2. แก้ไขชื่อตำแหน่งกรรมการจาก “ปลัดกระทรวงศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม” เป็น “ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ”
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 ตุลาคม 2555--จบ--