เรื่อง การขอคงสัญญาผูกพันของนักศึกษาเภสัชศาสตร์และขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่สำหรับบรรจุ
แพทย์ ทันตแพทย์ คู่สัญญา และเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ
2549 เป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การขอคงสัญญาผูกพันของนักศึกษาเภสัชศาสตร์และขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่สำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์ คู่สัญญา และเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 เดิม (ฝ่ายกฎหมาย) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ดังนี้
1. ให้คงการทำสัญญาการเป็นนักศึกษา เพื่อศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์กับนักศึกษาที่เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐต่อไป โดยให้ทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียวตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 เป็นต้นไป ส่วนปีการศึกษา 2543-2548 ให้เป็นไปตามความสมัครใจ ทั้งนี้ก่อนที่นักศึกษาจะจบการศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปี ควรมีการแจ้งตำแหน่งที่จะบรรจุให้เข้าทำงาน รวมทั้งสิทธิและประโยชน์ที่จะพึงได้รับให้นักศึกษาทราบ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้จบการศึกษาและเป็นการเตรียมความพร้อมของภาครัฐในการบรรจุผู้จบการศึกษาเข้าปฏิบัติงานด้วย
2. ให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่ สำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาและเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรให้ปฏิบัติงานที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นต้นไปโดยคำนึงถึงอัตรากำลังข้าราชการในภาพรวมทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2546 เรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ โดยจัดสรรจากอัตราข้าราชการที่เกษียณอายุในแต่ละปี ตามความเหมาะสมจำเป็น และหากไม่อาจกำหนดตำแหน่งให้เพียงพอในแต่ละปีได้ ให้พิจารณากำหนดตำแหน่งเป็นพนักงานราชการหรือพนักงานของรัฐ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
3. ให้สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทน สิทธิ และประโยชน์ตอบแทน ของตำแหน่งพนักงานราชการ พนักงานของรัฐ ทางการสาธารณสุข ให้มีสิทธิเท่าเทียมหรือไม่น้อยกว่าที่ข้าราชการได้รับเพื่อเป็นแรงจูงใจให้บุคลากรทางการสาธารณสุขเข้าทำงานและคงอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว
4. ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องนี้ไปพิจารณาประกอบกับภาพรวมตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 สิงหาคม 2548 (เรื่อง ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลตามความต้องการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขที่มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับเป็นเจ้าภาพไปพิจารณาเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระบบโดยให้ครอบคลุมทั้งด้านความต้องการ (Demand) และด้านการผลิต (Supply) ตลอดจนงบประมาณค่าใช้จ่ายด้วย
กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า
1. ตามแผนแม่บทกำลังคนด้านสาธารณสุขที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้แสดงความต้องการบุคลากรทางสาธารณสุขไว้ ดังนี้
ตำแหน่ง ปี 2548 ปี 2549 อัตรากำลังปฏิบัติงานปัจจุบัน
แพทย์ 15,456 15,607 9,264
ทันตแพทย์ 6,497 6,547 2,319
เภสัชกร 6,462 6,507 4,838
2. กระทรวงสาธารณสุข ได้บริหารจัดการกำลังคนโดยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการกระจายกำลังคนให้มีประสิทธิภาพ ตามระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ แผนกำหนดยุทธศาสตร์การผลิตกำลังคนด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนจากสถานการณ์ที่ขาดแคลนกำลังคน รัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาโดยการเพิ่มการผลิตแพทย์ ทันตแพทย์ และพยาบาลแล้ว แต่การไม่มีตำแหน่งข้าราชการรองรับก็ไม่สามารถดึงบุคลากรด้านสาธารณสุขเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของรัฐได้ เพราะการบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราว หรือ พนักงานราชการไม่อาจจูงใจให้มาอยู่ในระบบได้ ในที่สุดก็ลาออกหรือโอนไป ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนมีความต้องการแพทย์ และทันตแพทย์เพิ่มอีกเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นความขาดแคลนกำลังคนให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
3. เพื่อให้การดำเนินการจัดการด้านสาธารณสุขและเพื่อรองรับการปรับระบบข้าราชการสาธารณสุขในการปฏิรูปในอนาคต ประกอบกับแผนความต้องการกำลังคนด้านสาธารณสุขยังมีความต้องการตำแหน่งแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกรอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการลาออกของบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 กันยายน 2548--จบ--
แพทย์ ทันตแพทย์ คู่สัญญา และเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ
2549 เป็นต้นไป
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การขอคงสัญญาผูกพันของนักศึกษาเภสัชศาสตร์และขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่สำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์ คู่สัญญา และเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 เดิม (ฝ่ายกฎหมาย) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ดังนี้
1. ให้คงการทำสัญญาการเป็นนักศึกษา เพื่อศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์กับนักศึกษาที่เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐต่อไป โดยให้ทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียวตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 เป็นต้นไป ส่วนปีการศึกษา 2543-2548 ให้เป็นไปตามความสมัครใจ ทั้งนี้ก่อนที่นักศึกษาจะจบการศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปี ควรมีการแจ้งตำแหน่งที่จะบรรจุให้เข้าทำงาน รวมทั้งสิทธิและประโยชน์ที่จะพึงได้รับให้นักศึกษาทราบ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้จบการศึกษาและเป็นการเตรียมความพร้อมของภาครัฐในการบรรจุผู้จบการศึกษาเข้าปฏิบัติงานด้วย
2. ให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่ สำหรับบรรจุแพทย์ ทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาและเภสัชกรของกระทรวงสาธารณสุข ตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรให้ปฏิบัติงานที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นต้นไปโดยคำนึงถึงอัตรากำลังข้าราชการในภาพรวมทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2546 เรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ โดยจัดสรรจากอัตราข้าราชการที่เกษียณอายุในแต่ละปี ตามความเหมาะสมจำเป็น และหากไม่อาจกำหนดตำแหน่งให้เพียงพอในแต่ละปีได้ ให้พิจารณากำหนดตำแหน่งเป็นพนักงานราชการหรือพนักงานของรัฐ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
3. ให้สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาปรับปรุงค่าตอบแทน สิทธิ และประโยชน์ตอบแทน ของตำแหน่งพนักงานราชการ พนักงานของรัฐ ทางการสาธารณสุข ให้มีสิทธิเท่าเทียมหรือไม่น้อยกว่าที่ข้าราชการได้รับเพื่อเป็นแรงจูงใจให้บุคลากรทางการสาธารณสุขเข้าทำงานและคงอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว
4. ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องนี้ไปพิจารณาประกอบกับภาพรวมตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 สิงหาคม 2548 (เรื่อง ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการผลิตบุคลากรสาขาพยาบาลตามความต้องการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขที่มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขรับเป็นเจ้าภาพไปพิจารณาเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระบบโดยให้ครอบคลุมทั้งด้านความต้องการ (Demand) และด้านการผลิต (Supply) ตลอดจนงบประมาณค่าใช้จ่ายด้วย
กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า
1. ตามแผนแม่บทกำลังคนด้านสาธารณสุขที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้แสดงความต้องการบุคลากรทางสาธารณสุขไว้ ดังนี้
ตำแหน่ง ปี 2548 ปี 2549 อัตรากำลังปฏิบัติงานปัจจุบัน
แพทย์ 15,456 15,607 9,264
ทันตแพทย์ 6,497 6,547 2,319
เภสัชกร 6,462 6,507 4,838
2. กระทรวงสาธารณสุข ได้บริหารจัดการกำลังคนโดยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการกระจายกำลังคนให้มีประสิทธิภาพ ตามระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ แผนกำหนดยุทธศาสตร์การผลิตกำลังคนด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนจากสถานการณ์ที่ขาดแคลนกำลังคน รัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาโดยการเพิ่มการผลิตแพทย์ ทันตแพทย์ และพยาบาลแล้ว แต่การไม่มีตำแหน่งข้าราชการรองรับก็ไม่สามารถดึงบุคลากรด้านสาธารณสุขเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพของรัฐได้ เพราะการบรรจุเป็นลูกจ้างชั่วคราว หรือ พนักงานราชการไม่อาจจูงใจให้มาอยู่ในระบบได้ ในที่สุดก็ลาออกหรือโอนไป ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนมีความต้องการแพทย์ และทันตแพทย์เพิ่มอีกเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นความขาดแคลนกำลังคนให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
3. เพื่อให้การดำเนินการจัดการด้านสาธารณสุขและเพื่อรองรับการปรับระบบข้าราชการสาธารณสุขในการปฏิรูปในอนาคต ประกอบกับแผนความต้องการกำลังคนด้านสาธารณสุขยังมีความต้องการตำแหน่งแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกรอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการลาออกของบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 กันยายน 2548--จบ--