ทั้งนี้ กค. เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาว่า
1. สืบเนื่องจากการที่ กค. ออกกฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ พ.ศ. 2555 เพื่อปรับอัตราค่าแสตมป์ยาสูบให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บค่าแสตมป์ยาสูบสำหรับยาเส้นที่ซ้ำซ้อนในอุตสาหกรรมยาเส้น เนื่องจากพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 กำหนดให้ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบที่ทำยาเส้นจากใบยาที่ปลูกเองต้องเสียค่าแสตมป์ยาสูบ (ภาษี) และเมื่อผู้ซื้อนำยาเส้นที่ได้ชำระภาษีแล้วดังกล่าวมาแบ่งบรรจุซองเพื่อจำหน่ายก็ต้องเสียค่าแสตมป์ยาสูบ (ภาษี) อีกครั้งหนึ่ง
2. การแก้ไขปัญหาตามข้อ 1. สมควรปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบเพื่อกำหนดอัตราค่าแสตมป์ยาสูบ สำหรับยาเส้นให้เหมาะสมกับสภาวการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและไม่ส่งผลกระทบต่อชาวไร่ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบที่ทำยาเส้นจากใบยาที่ปลูกเอง และเพื่อบรรเทาภาระภาษีให้แก่เกษตรกรที่ผลิตยาเส้นที่ใช้เป็นวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมผลิตยาเส้นสำเร็จรูปและลดภาระภาษีซ้ำซ้อนในอุตสาหกรรมยาเส้น
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดให้ยาเส้น จัดเก็บภาษีอัตราตามมูลค่าร้อยละ 10 อัตราภาษีตามปริมาณ 0.01 บาทต่อหนึ่งกรัม เศษของหนึ่งกรัมให้นับเป็นหนึ่งกรัม
2. กำหนดให้ยาเส้นที่ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบทำจากใบยาที่ปลูกและหั่นเอง และได้ขายยาเส้นนั้น แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ จัดเก็บภาษีอัตราตามมูลค่าร้อยละ 0 อัตราภาษีตามปริมาณ 0 บาทต่อหนึ่งกรัม เศษของหนึ่งกรัมให้นับเป็นหนึ่งกรัม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 ธันวาคม 2555--จบ--