ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา
ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุม
คณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และ ครั้งที่ 64 และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญ
ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 และเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
2. อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างความตกลงฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้แก่ผู้ลงนามดังกล่าว เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาญฯ ภายหลังจากประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เพื่อแจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลไทยได้เสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้ว
3. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
1. ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64
1.1 ลักษณะและขอบเขตของการประชุม มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินงานตามอนุสัญญาฯ และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในอนาคต นอกจากนี้ จะมีการจัดประชุม SC63 และ SC64 ซึ่งเป็นการประชุมตามปกติของคณะกรรมการธิการบริหารของอนุสัญญาฯ ตามความในมติที่ประชุมที่ 11.1 (แก้ไข CoP15) ที่ได้รับความเห็นชอบโดยที่ประชุมครั้งที่ 11 ของการประชุมสมัยสามัญภาคีฯ (กรุงกิจิริ, 2543) และแก้ไขโดยที่ประชุม ครั้งที่ 12 ครั้งที่ 13 ครั้งที่ 14 และครั้งที่ 15 (กรุงซานติเอโก, 2545; กรุงเทพฯ, 2547; กรุงเฮค, 2550 และกรุงโดฮา, 2553)
1.2 การจัดการประชุมและข้อปฏิบัติด้านการเงิน รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายการเตรียมการจัดประชุม การจัดเตรียมสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และบุคลากรตามรายละเอียดข้อกำหนดการจัดประชุม การรักษาความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และค่าขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ เป็นต้น
1.3 เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ให้ความคุ้มครองแก่ผู้เข้าร่วมประชุมบุคลากร และอาณาบริเวณการจัดประชุม การให้เอกสิทธิ์บางประการแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เช่น การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่า การยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าเอกสาร วัสดุอุปกรณ์ สำหรับการประชุมและการทำงานของสื่อมวลชน เป็นต้น
1.4 ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเรียกร้องที่ต่อต้านสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสัญญาฯ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และสถานที่จัดการประชุมการใช้มาตรการป้องกันภัย เป็นต้น
2. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย พ.ศ. ....
2.1 กำหนดนิยามคำว่า “อนุสัญญา” หมายความว่า อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2516 (ร่างมาตรา 3)
2.2 กำหนดให้เพื่อให้การคุ้มครองการประชุมฯ ในประเทศไทยบรรลุตามความประสงค์ให้สถานที่จัดการประชุมและบุคคล ได้แก่ ผู้แทนของรัฐภาคีอนุสัญญาที่ได้รับแต่งตั้งโดยถูกต้อง ผู้สังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติฯ รวมถึงผู้แทนของรัฐอื่นใดที่มิได้เป็นภาคีอนุสัญญาที่เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ เป็นต้น ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ตามที่ระบุไว้ในความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ (ร่างมาตรา 4)
2.3 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2555--จบ--