การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 26, 2012 10:41 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้าง

ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

(Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้

1) รับทราบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (พ.ร.ก.) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หลังจากปีงบประมาณ 2555 วงเงินประมาณ 835.2666 ล้านบาท สำหรับโครงการเงินกู้ (Development Policy Loan : DPL) ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 3,426.3491 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 ให้ทบทวนความจำเป็นเหมาะสม โดยสถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ดังนั้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดชี้แจงข้อมูลตามข้อสังเกตของผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ต่อไป

2) อนุมัติดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตาม พ.ร.ก. ในสาขาพัฒนาการท่องเที่ยวให้แก่ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง สำหรับโครงการปรับปรุงอาคารและตกแต่งสำนักบริหารเงินตราเป็นพิพิธภัณฑ์ จำนวน 177.9303 ล้านบาท และอนุมัติดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และจัดสรรเงินสำรองจ่าย ตาม พ.ร.ก. สำหรับโครงการก่อสร้างและย้ายสำนักบริหารเงินตราไป โรงกษาปณ์รังสิต วงเงินรวม 306.073 ล้านบาท และขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงกันยายน 2556 โดยทั้ง 2 โครงการย่อยขยายเวลาเบิกจ่ายเงินถึงธันวาคม 2556 และอนุมัติให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 ซึ่งให้รับข้อเสนอเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ โครงการ/รายการที่หน่วยงานเจ้าของโครงการได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่าย หรือเป็นการยกเลิกโครงการ ให้รวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายภายใต้สาขาเศรษฐกิจนั้น โดยไม่ควรนำมาพิจารณาจัดสรรใหม่อีก ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย ตามนัยข้อ 2

3) อนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง ตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) และการคืนเงินค่าปรับให้แก่ผู้ประกอบการก่อสร้างสำหรับ ดังนี้ (1) กรมทางหลวงชนบท วงเงิน 2,417,287.00 บาท (2) กรมทางหลวง วงเงิน 42,578,335.00 บาท (3) กรมการขนส่งทางบก วงเงิน 1,074,408.00 บาท (4) มหาวิทยาลัย ราชภัฏพิบูลสงคราม วงเงิน 1,095,024.97 บาท (5) กรมชลประทาน วงเงิน 3,526,910.82 บาท (6) จังหวัดปทุมธานี วงเงิน 242,811 บาท

4) อนุมัติดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการจัดหาเครื่องมือป้องกันการติดต่อสื่อสารที่ใช้ในการกระทำความผิดในเรือนจำ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม วงเงิน 1,230.60 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ให้ดำเนินการโครงการให้เสร็จสิ้นก่อนเดือนกันยายน 2556 โดยให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย

5) อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ

6) อนุมัติการยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างรายการครุภัณฑ์ของโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี จำนวน 2 รายการ วงเงิน 693,100 บาท ได้แก่ 1) รายการชุดเครื่องผสม 1 ชุด วงเงิน 168,800 บาท และ 2) รายการรถยกของแบบฟอร์คลิฟต์และแฮนด์ลิฟต์ วงเงิน 524,300 บาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 ธันวาคม 2555--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ