คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิย์รายงานการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรฤดูกาลผลิต ปี 2548 เพื่อให้ได้รับราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิตสำหรับสินค้าเกษตรสำคัญ ประกอบด้วย สินค้าข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง เมล็ดกาแฟ และกุ้งกุลาดำ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการดังนี้
1. สินค้าข้าว กำหนดปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตปี 2547/48 จำนวน 9 ล้านตัน ประกอบด้วยข้าวเปลือกหอมมะลิ 5.0 ล้านตัน ข้าวเปลือกเหนียว 1.0 ล้านตัน และข้าวเปลือกเจ้านาปี 3.0 ล้านตัน โดยปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกทุกชนิดสูงขึ้นจากฤดูกาลผลิต ปี 2546/47 ตันละ 600-2,000 บาท (ตามชนิดและคุณภาพ)กล่าวคือ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 8,700 -9,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี (พันธุ์ไวแสงและไม่ไวแสง) ตันละ 6,200 - 6,600 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 6,600 บาท ข้าวเปือกหอมสุพรรณ ตันละ 6,500 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 7,000 -7,200 บาท ระยะเวลาการรับจำนำตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2547- กุมภาพันธ์ 2548 สำหรับภาคใต้เริ่มรับจำนำ 1 กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2548 จากราคารับจำนำที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 10-28
2. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กำหนดปริมาณรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 800,000 - 1,000,000 ตัน ราคารับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ด (ความชื้นไม่เกิน 14.5%) ที่ ก.ก.ละ 4.40 บาท สำหรับข้าวโพดในระดับความชื้นอื่น ๆ ราคาลดหลั่นลงไปตามคุณภาพ ระยะเวลารับจำนำกันยายน-ธันวาคม 2547 จากการดำเนินการรับจำนำของรัฐบาลทำให้ราคาข้าวโพดฯ ในตลาดปรับตัวสูงขึ้นจาก ก.ก.ละ 3.80 - 4.00 บาท ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2547 เป็น ก.ก.ละ 4.42 - 4.50 บาท ในขณะนี้ (14 ต.ค. 47) และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก ส่งผลต่อรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12-13
3. มันสำปะหลัง กำหนดปริมาณรับจำนำ 5.0 ล้านตัน ราคารับจำนำหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ณ ลานมัน ที่ ก.ก. ละ 1.10 บาท สูงกว่าราคารับจำนำของปี 2546/47 ที่เริ่มรับจำนำในราคา ก.ก.ละ 1.05 บาท ระยะเวลารับจำนำพฤศจิกายน 2547- เมษายน 2548 ซึ่งครอบคลุมช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรตลอดฤดู จากการประกาศมาตรการของรัฐบาลทำให้ราคาหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ในช่วงต้นฤดูปีนี้อยู่ที่ ก.ก.ละ 1.13 บาท สูงกว่าช่วงเดียวกับของปีก่อนที่มีราคา ก.ก.ละ 0.91 บาท ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25
4. เมล็ดกาแฟ กำหนดปริมาณรับจำนำ 30,000 ตัน ราคารับจำนำเมล็ดกาแฟเกรดดี ก.ก.ละ 35 บาท เกรดหนึ่ง ก.ก.ละ 32 บาท และเกรดสอง ก.ก.ละ 26 บาท ซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำปีก่อน ก.ก.ละ 3-4 บาท ระยะเวลารับจำนำธันวาคม 2547- มีนาคม 2548 จากราคาที่รับจำนำในปีนี้จะมีผลต่อราคาตลาดและรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-18
5. กุ้งกุลาดำ จากมาตรการรับจำนำกุ้งกุลาดำที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2547 โดยกำหนดราคารับจำนำกุ้งกุลาดำ ก.ก.ละ 80-280 บาท (ตามขนาดของกุ้งระหว่าง 100 ตัว/ก.ก. - 30 ตัว/ก.ก.) ซึ่งผลการรับจำนำที่ผ่านมาได้ช่วยให้ราคากุ้งกุลาดำในตลาดปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงก่อนรับจำนำ (12 ก.ค. 47) ประมาณ ก.ก. ละ 20-40 บาท และเป็นผลดีต่อรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 18-26 แต่เนื่องจากระยะเวลาการรับจำนำได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายน 2547 และเพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการของรัฐ จึงได้มีการขยายระยะเวลารับจำนำออกไปอีกจนถึงธันวาคม 2547 นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 ตุลาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. สินค้าข้าว กำหนดปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตปี 2547/48 จำนวน 9 ล้านตัน ประกอบด้วยข้าวเปลือกหอมมะลิ 5.0 ล้านตัน ข้าวเปลือกเหนียว 1.0 ล้านตัน และข้าวเปลือกเจ้านาปี 3.0 ล้านตัน โดยปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกทุกชนิดสูงขึ้นจากฤดูกาลผลิต ปี 2546/47 ตันละ 600-2,000 บาท (ตามชนิดและคุณภาพ)กล่าวคือ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 8,700 -9,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี (พันธุ์ไวแสงและไม่ไวแสง) ตันละ 6,200 - 6,600 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 6,600 บาท ข้าวเปือกหอมสุพรรณ ตันละ 6,500 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 7,000 -7,200 บาท ระยะเวลาการรับจำนำตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2547- กุมภาพันธ์ 2548 สำหรับภาคใต้เริ่มรับจำนำ 1 กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2548 จากราคารับจำนำที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 10-28
2. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กำหนดปริมาณรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 800,000 - 1,000,000 ตัน ราคารับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ด (ความชื้นไม่เกิน 14.5%) ที่ ก.ก.ละ 4.40 บาท สำหรับข้าวโพดในระดับความชื้นอื่น ๆ ราคาลดหลั่นลงไปตามคุณภาพ ระยะเวลารับจำนำกันยายน-ธันวาคม 2547 จากการดำเนินการรับจำนำของรัฐบาลทำให้ราคาข้าวโพดฯ ในตลาดปรับตัวสูงขึ้นจาก ก.ก.ละ 3.80 - 4.00 บาท ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2547 เป็น ก.ก.ละ 4.42 - 4.50 บาท ในขณะนี้ (14 ต.ค. 47) และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก ส่งผลต่อรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12-13
3. มันสำปะหลัง กำหนดปริมาณรับจำนำ 5.0 ล้านตัน ราคารับจำนำหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ณ ลานมัน ที่ ก.ก. ละ 1.10 บาท สูงกว่าราคารับจำนำของปี 2546/47 ที่เริ่มรับจำนำในราคา ก.ก.ละ 1.05 บาท ระยะเวลารับจำนำพฤศจิกายน 2547- เมษายน 2548 ซึ่งครอบคลุมช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรตลอดฤดู จากการประกาศมาตรการของรัฐบาลทำให้ราคาหัวมันสด (เชื้อแป้ง 25%) ในช่วงต้นฤดูปีนี้อยู่ที่ ก.ก.ละ 1.13 บาท สูงกว่าช่วงเดียวกับของปีก่อนที่มีราคา ก.ก.ละ 0.91 บาท ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25
4. เมล็ดกาแฟ กำหนดปริมาณรับจำนำ 30,000 ตัน ราคารับจำนำเมล็ดกาแฟเกรดดี ก.ก.ละ 35 บาท เกรดหนึ่ง ก.ก.ละ 32 บาท และเกรดสอง ก.ก.ละ 26 บาท ซึ่งสูงกว่าราคารับจำนำปีก่อน ก.ก.ละ 3-4 บาท ระยะเวลารับจำนำธันวาคม 2547- มีนาคม 2548 จากราคาที่รับจำนำในปีนี้จะมีผลต่อราคาตลาดและรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-18
5. กุ้งกุลาดำ จากมาตรการรับจำนำกุ้งกุลาดำที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2547 โดยกำหนดราคารับจำนำกุ้งกุลาดำ ก.ก.ละ 80-280 บาท (ตามขนาดของกุ้งระหว่าง 100 ตัว/ก.ก. - 30 ตัว/ก.ก.) ซึ่งผลการรับจำนำที่ผ่านมาได้ช่วยให้ราคากุ้งกุลาดำในตลาดปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงก่อนรับจำนำ (12 ก.ค. 47) ประมาณ ก.ก. ละ 20-40 บาท และเป็นผลดีต่อรายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 18-26 แต่เนื่องจากระยะเวลาการรับจำนำได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายน 2547 และเพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการของรัฐ จึงได้มีการขยายระยะเวลารับจำนำออกไปอีกจนถึงธันวาคม 2547 นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 ตุลาคม 2547--จบ--
-กภ-