คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการเกี่ยวกับการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาภาวะของประชาชนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ดังนี้
1. กรมการค้าภายในประชุมหารือผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดต่าง ๆ ที่สำคัญ รวม 100 ราย มาหารือเรื่องราคาสินค้า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2547 ได้ข้อสรุป ดังนี้
1.1 ให้ขยายระยะเวลาการตรึงราคาสินค้าออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 (จากเดิมครบวันที่ 31 ตุลาคม 2547) ภายใต้เงื่อนไขการค้าแบบเดิมที่ทำกันปกติ รวมทั้งศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าก็ให้ตรึงราคาเช่นเดียวกัน
1.2 สินค้าใดที่มีความจำเป็นต้องปรับราคาก่อนกำหนด เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ให้แจ้งกรมการค้าภายในเพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป โดยจะต้องมีหลักฐานข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ซึ่งจะพิจารณาให้ทยอยปรับราคาเป็นระยะหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป
1.3 ให้มีการผลิตและระบายสินค้าออกสู่ตลาดอย่างเต็มที่ รวมทั้งดูแลเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าอย่างใกล้ชิด มิให้มีการกักตุนสินค้าและจำหน่ายในราคาเป็นธรรม
2. กระทรวงพาณิชย์จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร จะดำเนินการตามกฎหมาย
3. หากปรากฏว่าสินค้าใดมีความผิดปกติด้านปริมาณและราคา โดยไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่ควรจะเป็น อาจจำเป็นต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้ากำกับดูแล ก็จะกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม และกำหนดมาตรการดูแลต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 ตุลาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. กรมการค้าภายในประชุมหารือผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคหมวดต่าง ๆ ที่สำคัญ รวม 100 ราย มาหารือเรื่องราคาสินค้า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2547 ได้ข้อสรุป ดังนี้
1.1 ให้ขยายระยะเวลาการตรึงราคาสินค้าออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 (จากเดิมครบวันที่ 31 ตุลาคม 2547) ภายใต้เงื่อนไขการค้าแบบเดิมที่ทำกันปกติ รวมทั้งศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าก็ให้ตรึงราคาเช่นเดียวกัน
1.2 สินค้าใดที่มีความจำเป็นต้องปรับราคาก่อนกำหนด เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ให้แจ้งกรมการค้าภายในเพื่อพิจารณาเป็นราย ๆ ไป โดยจะต้องมีหลักฐานข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ซึ่งจะพิจารณาให้ทยอยปรับราคาเป็นระยะหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2547 เป็นต้นไป
1.3 ให้มีการผลิตและระบายสินค้าออกสู่ตลาดอย่างเต็มที่ รวมทั้งดูแลเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าอย่างใกล้ชิด มิให้มีการกักตุนสินค้าและจำหน่ายในราคาเป็นธรรม
2. กระทรวงพาณิชย์จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร จะดำเนินการตามกฎหมาย
3. หากปรากฏว่าสินค้าใดมีความผิดปกติด้านปริมาณและราคา โดยไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่ควรจะเป็น อาจจำเป็นต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้ากำกับดูแล ก็จะกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม และกำหนดมาตรการดูแลต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 ตุลาคม 2547--จบ--
-กภ-