คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการตามที่คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเสนอและให้ดำเนินการต่อไปดังนี้
เรื่องที่ 1 เรื่องผลการประชุมนานาชาติ Competitiveness: Challenges and Opporturnities for Asian Countries
รับทราบและมอบหมายให้ สศช. รับไปดำเนินการการประชุมทีมงานที่ปรึกษาต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ในโอกาสต่อไปด้วย
เรื่องที่ 2 แผนงานและการจัดกลไกเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย
1. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานทั้ง 4 ด้าน และการจัดทำแผนแม่บท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2547
2. รับทราบแนวทางการพัฒนาบุคคลากรและองค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์และเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะเจ้าของเรื่องจัดทำแผนงานโครงการในรายละเอียดนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
3. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาปัญหาโลจิสติกส์โดยรับฟังปัญหา และความเห็นจากผู้ประกอบการ เพื่อจัดทำเสนอแนะทางแก้ปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
4. เห็นชอบในหลักการของโครงการการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล และบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ และมอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำแผนงานโครงการในรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป โดยเน้นการใช้วิธี Outsource ในการดำเนินงาน
เรื่องที่ 3 การพัฒนากำลังคนเพื่อการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
1. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้
1) ศึกษารายละเอียดความต้องการกำลังคนสำหรับภาคการผลิตและบริการแต่ละสาขาโดยใช้ประโยชน์จากการศึกษาในครั้งนี้ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการของแต่ละสาขาต่อไป
2) กำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นแกนกลางในการประสานระหว่างสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม เพื่อปรับหลักสูตรการศึกษา แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3) เร่งรัดการจัดทำระบบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ ( Thailand Vocational Qualification: TVQ ) ของอุตสาหกรรมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เริ่มปฏิบัติจริงโดยเร็วก่อนพิจารณาขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ตามสมควร
2. มอบหมายให้สถาบันเฉพาะทางของอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นแกนกลางดำเนินการดังนี้
1) จัดทำฐานข้อมูลความต้องการกำลังคนของอุตสาหกรรม ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ และส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องให้ภาคการศึกษาปรับการผลิตบุคคลากรให้ทันและสอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการของอุตสาหกรรม
2) จัดทำ Best Practices ของอุตสาหกรรม และสร้างแรงจูงใจให้อุตสาหกรรมที่มีความต้องการบุคคลากรพื้นฐานกลุ่มเดียวกัน เช่น วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรอุตสาหกรรม ช่างเทคนิคสาขาต่างๆ ตั้งศูนย์ฝึกอบรมร่วมกัน โดยรัฐบาลอาจพิจารณาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการบางส่วน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนช่วยเหลือกันและกันในการพัฒนาบุคคลากรของอุตสาหกรรมของตนสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมโดยรวม
3) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยผลักดันด้านการพัฒนาระบบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพของอุตสาหกรรม
3. มอบหมายให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ( กกร. ) สำรวจความต้องการแรงงานต่างชาติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของภาคเอกชนในสาขาต่างๆ เพื่อประสานกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน พิจารณาให้วีซ่าและออกใบอนุญาตทำงานในแต่ละปี
เรื่องที่ 4 การขับเคลื่อนผลิตภาพที่สะอาดในอุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยว
1. เห็นชอบกับแนวทางเพิ่มผลิตภาพที่สะอาดทั้ง 3 แนวทาง ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ
เสนอประกอบด้วย การพัฒนา SMEs การขยายตลาดสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยรัฐเป็นผู้นำ และการทำงานเชิงรุก เพื่อเตรียมข้อจำกัดทางการค้า ( NTB ) ที่อาจเกิดขึ้น
2. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการนำร่องเพื่อเพิ่มผลิตภาพที่สะอาดในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจโรงแรม รวม 3 โครงการ โดยโครงการนำร่องที่ 1 ที่เกี่ยวกับการจัดฝึกอบรมให้เป็นในลักษณะ Green Camp และให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่ายร่วมกับฝ่ายรัฐ
ทั้งนี้ โดยให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนกรอบวงเงินให้เหมาะสม
3. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับไปดำเนินการกำหนดมาตรการรับมือ NTB ที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยให้ครอบคลุมถึงการควบคุมมาตรฐานสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าด้วย
เรื่องที่ 5 การแยกคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เห็นควรคงคณะกรรมการทั้ง 2 คณะออกจากกัน คือ คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 โดยให้มีการประชุมทั้ง 2 คณะพร้อมกันในกรณีที่มีวาระเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
เรื่องที่ 1 เรื่องผลการประชุมนานาชาติ Competitiveness: Challenges and Opporturnities for Asian Countries
รับทราบและมอบหมายให้ สศช. รับไปดำเนินการการประชุมทีมงานที่ปรึกษาต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ในโอกาสต่อไปด้วย
เรื่องที่ 2 แผนงานและการจัดกลไกเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย
1. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานทั้ง 4 ด้าน และการจัดทำแผนแม่บท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2547
2. รับทราบแนวทางการพัฒนาบุคคลากรและองค์ความรู้ด้านโลจิสติกส์และเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะเจ้าของเรื่องจัดทำแผนงานโครงการในรายละเอียดนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
3. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ สภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาปัญหาโลจิสติกส์โดยรับฟังปัญหา และความเห็นจากผู้ประกอบการ เพื่อจัดทำเสนอแนะทางแก้ปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
4. เห็นชอบในหลักการของโครงการการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล และบริการภาครัฐ เพื่อการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ และมอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จัดทำแผนงานโครงการในรายละเอียดเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป โดยเน้นการใช้วิธี Outsource ในการดำเนินงาน
เรื่องที่ 3 การพัฒนากำลังคนเพื่อการแข่งขันของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
1. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้
1) ศึกษารายละเอียดความต้องการกำลังคนสำหรับภาคการผลิตและบริการแต่ละสาขาโดยใช้ประโยชน์จากการศึกษาในครั้งนี้ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการของแต่ละสาขาต่อไป
2) กำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นแกนกลางในการประสานระหว่างสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรม เพื่อปรับหลักสูตรการศึกษา แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
3) เร่งรัดการจัดทำระบบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ ( Thailand Vocational Qualification: TVQ ) ของอุตสาหกรรมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้เริ่มปฏิบัติจริงโดยเร็วก่อนพิจารณาขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ตามสมควร
2. มอบหมายให้สถาบันเฉพาะทางของอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นแกนกลางดำเนินการดังนี้
1) จัดทำฐานข้อมูลความต้องการกำลังคนของอุตสาหกรรม ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ และส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องให้ภาคการศึกษาปรับการผลิตบุคคลากรให้ทันและสอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการของอุตสาหกรรม
2) จัดทำ Best Practices ของอุตสาหกรรม และสร้างแรงจูงใจให้อุตสาหกรรมที่มีความต้องการบุคคลากรพื้นฐานกลุ่มเดียวกัน เช่น วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรอุตสาหกรรม ช่างเทคนิคสาขาต่างๆ ตั้งศูนย์ฝึกอบรมร่วมกัน โดยรัฐบาลอาจพิจารณาสนับสนุนงบประมาณดำเนินการบางส่วน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนช่วยเหลือกันและกันในการพัฒนาบุคคลากรของอุตสาหกรรมของตนสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมโดยรวม
3) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยผลักดันด้านการพัฒนาระบบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพของอุตสาหกรรม
3. มอบหมายให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ( กกร. ) สำรวจความต้องการแรงงานต่างชาติที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของภาคเอกชนในสาขาต่างๆ เพื่อประสานกับกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน พิจารณาให้วีซ่าและออกใบอนุญาตทำงานในแต่ละปี
เรื่องที่ 4 การขับเคลื่อนผลิตภาพที่สะอาดในอุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยว
1. เห็นชอบกับแนวทางเพิ่มผลิตภาพที่สะอาดทั้ง 3 แนวทาง ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ
เสนอประกอบด้วย การพัฒนา SMEs การขยายตลาดสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยรัฐเป็นผู้นำ และการทำงานเชิงรุก เพื่อเตรียมข้อจำกัดทางการค้า ( NTB ) ที่อาจเกิดขึ้น
2. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการนำร่องเพื่อเพิ่มผลิตภาพที่สะอาดในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจโรงแรม รวม 3 โครงการ โดยโครงการนำร่องที่ 1 ที่เกี่ยวกับการจัดฝึกอบรมให้เป็นในลักษณะ Green Camp และให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่ายร่วมกับฝ่ายรัฐ
ทั้งนี้ โดยให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนกรอบวงเงินให้เหมาะสม
3. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับไปดำเนินการกำหนดมาตรการรับมือ NTB ที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยให้ครอบคลุมถึงการควบคุมมาตรฐานสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าด้วย
เรื่องที่ 5 การแยกคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เห็นควรคงคณะกรรมการทั้ง 2 คณะออกจากกัน คือ คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 โดยให้มีการประชุมทั้ง 2 คณะพร้อมกันในกรณีที่มีวาระเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-