คณะรัฐมนตรีรับทราบการสิ้นสุดโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชน (ศงป.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
กระทรวงการคลังเสนอว่า บัดนี้ได้ครบกำหนดสิ้นสุดการดำเนินโครงการของ ศงป. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 สรุปดังนี้
1. เนื่องจาก ศงป. ยังมีภารกิจในการให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชนที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานในการให้คำปรึกษาด้าน NPL แหล่งเงินทุน การดำเนินธุรกิจ และอื่น ๆ รวมประมาณ 19,661 ปัญหา ดังนั้น เพื่อเป็นการสานต่อภารกิจดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และเพื่อให้มีความต่อเนื่องในการให้บริการของ ศงป. กระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) รับโอนภารกิจดังกล่าวของ ศงป. ไปดำเนินการแทนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547
2. ในการจบโครงการได้มีการโอนทรัพย์สินทั้งหมดของ ศงป. ประมาณมูลค่าสินทรัพย์ที่จะจัดส่งให้ ธพว. 10.29 ล้านบาท และเมื่อหักค่าเสื่อมราคาสะสมแล้วสินทรัพย์ดังกล่าวจะมีมูลค่าคงเหลือประมาณ 5.69 ล้านบาท ไปให้กับ ธพว. และเพื่อสะสางด้านบัญชีและทรัพย์สิน ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมการสะสางการเงินและทรัพย์สินของการสิ้นสุดโครงการ ศงป. ดังนี้
2.1 องค์ประกอบคณะกรรมการฯ มีดังนี้
1) นางอรอนงค์ มณีกาญจน์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ประธานกรรมการ
2) นางยุพยง พรหมพันธุ์ กรรมการ
3) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการ
4) ผู้แทนหอการค้าไทย กรรมการ
5) ผู้แทนธนาคารพัฒนวิสาหกิจขนาดกลาง กรรมการ
และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
6) นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย นักบัญชี 8 ว. กรรมการและเลขานุการ
2.2 อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ มีดังนี้
1) กำกับดูแลการสะสางการเงินและทรัพย์สินของ ศงป. เพื่อการชำระบัญชีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
2) ให้ผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ศงป. มาให้ถ้อยคำ ส่งเอกสารหรือหลักฐานอื่น เมื่อคณะกรรมการฯ ร้องขอ
3) ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยแก่พนักงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
4) เมื่อคณะกรรมการฯ ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วรายงานให้กระทรวงการคลังทราบและโอนเงินส่วนที่เหลือส่งคืนกระทรวงการคลัง
5) การดำเนินการอื่น ๆ ตามแต่ความจำเป็นเพื่อให้การสะสางการเงินและทรัพย์สินเสร็จด้วยความเรียบร้อย
3. งบประมาณประจำปี 2547 ที่ ศงป. ได้รับจำนวนทั้งสิ้น 198.50 ล้านบาท ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2547 มียอดเงินที่ใช้ไปทั้งสิ้น 94.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.70 คงเหลือ 103.82 ล้านบาท และคาดว่า ณ 30 กันยายน 2547 จะต้องใช้เงินประมาณรวมทั้งสิ้น 110.68 ล้านบาท และเมื่อรวมกับประมาณการค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระหลังวันที่ 30 กันยาน 2547 ประมาณ 37.42 ล้านบาท คาดว่าจะมีเงินยอดคงเหลือสุทธิ 50.40 ล้านบาท และ ธพว. จะขอรับโอนเงินส่วนที่เหลือดังกล่าวเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อเนื่องของ ศงป.
ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ ธพว. ในการดำเนินการดังกล่าวตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ประกอบกับ ธพว. ก็มิได้มีการเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในส่วนนี้ จึงได้ขอทำความตกลงยกเว้นการนำเงินที่เหลือจากการสิ้นสุดการดำเนินงานของ ศงป. ที่ต้องส่งคืนกระทรวงการคลังที่ต้องดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการนโยบาย ศงป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. 2542 ข้อ 15 "เมื่อสิ้นสุดการดำเนินการให้นำเงินที่ได้เบิกแล้วแต่ไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายส่งคืนกระทรวงการคลัง สำหรับทรัพย์สินที่จัดหาโดยเงินตามระเบียบนี้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจจัดสรรให้แก่หน่วยงานที่เห็นสมควร" และขอโอนเงินที่เหลือดังกล่าวให้ ธพว.
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
กระทรวงการคลังเสนอว่า บัดนี้ได้ครบกำหนดสิ้นสุดการดำเนินโครงการของ ศงป. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2547 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 สรุปดังนี้
1. เนื่องจาก ศงป. ยังมีภารกิจในการให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และประชาชนที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานในการให้คำปรึกษาด้าน NPL แหล่งเงินทุน การดำเนินธุรกิจ และอื่น ๆ รวมประมาณ 19,661 ปัญหา ดังนั้น เพื่อเป็นการสานต่อภารกิจดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และเพื่อให้มีความต่อเนื่องในการให้บริการของ ศงป. กระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) รับโอนภารกิจดังกล่าวของ ศงป. ไปดำเนินการแทนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547
2. ในการจบโครงการได้มีการโอนทรัพย์สินทั้งหมดของ ศงป. ประมาณมูลค่าสินทรัพย์ที่จะจัดส่งให้ ธพว. 10.29 ล้านบาท และเมื่อหักค่าเสื่อมราคาสะสมแล้วสินทรัพย์ดังกล่าวจะมีมูลค่าคงเหลือประมาณ 5.69 ล้านบาท ไปให้กับ ธพว. และเพื่อสะสางด้านบัญชีและทรัพย์สิน ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมการสะสางการเงินและทรัพย์สินของการสิ้นสุดโครงการ ศงป. ดังนี้
2.1 องค์ประกอบคณะกรรมการฯ มีดังนี้
1) นางอรอนงค์ มณีกาญจน์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ประธานกรรมการ
2) นางยุพยง พรหมพันธุ์ กรรมการ
3) ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการ
4) ผู้แทนหอการค้าไทย กรรมการ
5) ผู้แทนธนาคารพัฒนวิสาหกิจขนาดกลาง กรรมการ
และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
6) นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย นักบัญชี 8 ว. กรรมการและเลขานุการ
2.2 อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ มีดังนี้
1) กำกับดูแลการสะสางการเงินและทรัพย์สินของ ศงป. เพื่อการชำระบัญชีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
2) ให้ผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ ศงป. มาให้ถ้อยคำ ส่งเอกสารหรือหลักฐานอื่น เมื่อคณะกรรมการฯ ร้องขอ
3) ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยแก่พนักงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
4) เมื่อคณะกรรมการฯ ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วรายงานให้กระทรวงการคลังทราบและโอนเงินส่วนที่เหลือส่งคืนกระทรวงการคลัง
5) การดำเนินการอื่น ๆ ตามแต่ความจำเป็นเพื่อให้การสะสางการเงินและทรัพย์สินเสร็จด้วยความเรียบร้อย
3. งบประมาณประจำปี 2547 ที่ ศงป. ได้รับจำนวนทั้งสิ้น 198.50 ล้านบาท ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2547 มียอดเงินที่ใช้ไปทั้งสิ้น 94.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 47.70 คงเหลือ 103.82 ล้านบาท และคาดว่า ณ 30 กันยายน 2547 จะต้องใช้เงินประมาณรวมทั้งสิ้น 110.68 ล้านบาท และเมื่อรวมกับประมาณการค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระหลังวันที่ 30 กันยาน 2547 ประมาณ 37.42 ล้านบาท คาดว่าจะมีเงินยอดคงเหลือสุทธิ 50.40 ล้านบาท และ ธพว. จะขอรับโอนเงินส่วนที่เหลือดังกล่าวเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อเนื่องของ ศงป.
ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ ธพว. ในการดำเนินการดังกล่าวตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ประกอบกับ ธพว. ก็มิได้มีการเตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในส่วนนี้ จึงได้ขอทำความตกลงยกเว้นการนำเงินที่เหลือจากการสิ้นสุดการดำเนินงานของ ศงป. ที่ต้องส่งคืนกระทรวงการคลังที่ต้องดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการนโยบาย ศงป. ว่าด้วยการเงิน พ.ศ. 2542 ข้อ 15 "เมื่อสิ้นสุดการดำเนินการให้นำเงินที่ได้เบิกแล้วแต่ไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายส่งคืนกระทรวงการคลัง สำหรับทรัพย์สินที่จัดหาโดยเงินตามระเบียบนี้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจจัดสรรให้แก่หน่วยงานที่เห็นสมควร" และขอโอนเงินที่เหลือดังกล่าวให้ ธพว.
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-