คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. …. ที่ตรวจพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เสนอ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยด่วน แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นชอบแล้วโดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณและกฎหมายอื่น
2. ในกรณีที่มหาวิทยาลัยมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะดำเนินการรัฐพึงจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปแก่มหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นของมหาวิทยาลัย
3. อสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาจากการให้โดยมีผู้อุทิศให้หรือได้มาจากการซื้อด้วยเงินรายได้หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่เป็นที่ราชพัสดุ และเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของมหาวิทยาลัยที่ได้มาตามพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติริย์ ตำบลปทุมวัน อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช 2548 จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยพระราชบัญญัติ
4. ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี โดยบุคคลใดไม่อาจยกอายุความหรือระยะเวลาในการครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับมหาวิทยาลัยในเรื่องทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยได้
5. การจัดการเงินและทรัพย์สินซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเงื่อนไขที่ผู้อุทิศกำหนดต้องได้รับความยินยอมจากผู้อุทิศหรือทายาท หากไม่ปรากฏบุคคลดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
6. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีสภามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรทางการบริหาร ประกอบด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากตัวแทนขององค์กรต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกจากจะมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัยแล้ว ให้มีอำนาจประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในมหาวิทยาลัย บริหารงานบุคคล การเงิน การพัสดุ ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
7. อธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของมหาวิทยาลัย โดยอาจมีรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีเพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่อธิการบดีมอบหมาย
8. กำหนดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษา และการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัยทุกสี่ปี โดยสภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งผู้ซึ่งมิใช่ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยเป็นผู้ประเมิน ทั้งนี้ ให้มีการประเมินการดำเนินงานโดยรวมของมหาวิทยาลัย โดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนด
9. ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพันงบประมาณ และรายได้ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้
10. กำหนดมาตรการรองรับข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงาน เป็นข้าราชการ ลูกจ้าง หรือพนักงาน ตามพระราชบัญญัตินี้และให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
11. ให้ข้าราชการ หรือลูกจ้างที่ประสงค์สมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งแสดงเจตนาภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ส่วนผู้ที่สมัครภายหลังจากนั้นต้องผ่านการประเมินก่อน สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการบรรจุให้คงสภาพเช่นเดิม โดยยังคงได้รับสิทธิต่าง ๆ เช่น การได้รับเงินเดือน การดำรงตำแหน่งทางวิชาการ การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว คณะรัฐมนตรีชุดก่อนได้มีมติอนุมัติหลักการ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นชอบแล้วโดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณและกฎหมายอื่น
2. ในกรณีที่มหาวิทยาลัยมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะดำเนินการรัฐพึงจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปแก่มหาวิทยาลัยเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นของมหาวิทยาลัย
3. อสังหาริมทรัพย์ที่มหาวิทยาลัยได้มาจากการให้โดยมีผู้อุทิศให้หรือได้มาจากการซื้อด้วยเงินรายได้หรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่เป็นที่ราชพัสดุ และเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของมหาวิทยาลัยที่ได้มาตามพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติริย์ ตำบลปทุมวัน อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช 2548 จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยพระราชบัญญัติ
4. ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี โดยบุคคลใดไม่อาจยกอายุความหรือระยะเวลาในการครอบครองขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับมหาวิทยาลัยในเรื่องทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยได้
5. การจัดการเงินและทรัพย์สินซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเงื่อนไขที่ผู้อุทิศกำหนดต้องได้รับความยินยอมจากผู้อุทิศหรือทายาท หากไม่ปรากฏบุคคลดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย
6. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีสภามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรทางการบริหาร ประกอบด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่มาจากตัวแทนขององค์กรต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกจากจะมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัยแล้ว ให้มีอำนาจประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในมหาวิทยาลัย บริหารงานบุคคล การเงิน การพัสดุ ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
7. อธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของมหาวิทยาลัย โดยอาจมีรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีเพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่อธิการบดีมอบหมาย
8. กำหนดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษา และการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัยทุกสี่ปี โดยสภามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งผู้ซึ่งมิใช่ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยเป็นผู้ประเมิน ทั้งนี้ ให้มีการประเมินการดำเนินงานโดยรวมของมหาวิทยาลัย โดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนด
9. ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพันงบประมาณ และรายได้ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้
10. กำหนดมาตรการรองรับข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงาน เป็นข้าราชการ ลูกจ้าง หรือพนักงาน ตามพระราชบัญญัตินี้และให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
11. ให้ข้าราชการ หรือลูกจ้างที่ประสงค์สมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งแสดงเจตนาภายในเก้าสิบวันนับแต่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ส่วนผู้ที่สมัครภายหลังจากนั้นต้องผ่านการประเมินก่อน สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการบรรจุให้คงสภาพเช่นเดิม โดยยังคงได้รับสิทธิต่าง ๆ เช่น การได้รับเงินเดือน การดำรงตำแหน่งทางวิชาการ การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-