คณะรัฐมนตรีพิจารณาการดำเนินการตามมาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี (17 กันยายน 2545) ออกไปอีก 6 เดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 และให้สำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. การให้ความช่วยเหลือข้าราชการผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ในการปฏิรูประบบราชการ โดยให้มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่งเดิมต่อไปเป็นการเฉพาะตัว 1 ปี (1 ตุลาคม 2545-30 กันยายน 2546) และได้มีการขยายเวลาให้รับเงินประจำตำแหน่งออกไป อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 6 เดือน รวมเป็นเวลา 2 ปี (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547) เพื่อให้ส่วนราชการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ปรากฏว่าปัจจุบันมีข้าราชการผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างจำนวน 123 คน ยังไม่ได้รับการบรรจุให้ดำรงตำแหน่งที่มีเงินประจำตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ข้าราชการเหล่านั้นก็จะไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งอีกต่อไป อย่างไรก็ดี การจะไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งในกรณีนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดของบุคคลเหล่านั้น จึงควรได้รับการเยียวยา โดยขยายระยะเวลามาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง
กรมใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี (17 กันยายน 2545) ออกไปอีก 6 เดือน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้
2. การที่ข้าราชการผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ทั้ง 123 คน ยังไม่ได้รับการบรรจุให้ดำรงตำแหน่งที่มีเงินประจำตำแหน่งเกิดจากสาเหตุหลายประการทั้งจากข้อจำกัดของตำแหน่งผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ และเหตุผลเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้น สมควรต้องพิจารณาในรายละเอียดจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วได้ โดยให้สำนักงาน ก.พ. เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยราชการที่มีปัญหา เพื่อจัดทำแผนและกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการดำเนินการแต่งตั้งให้แก่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบให้ชัดเจน เช่น ในกรณีที่มีตำแหน่งในส่วนราชการนั้นว่างให้แต่งตั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก หรือ ในกรณีที่มีตำแหน่งว่างในกระทรวง เดียวกันขอให้พิจารณาผู้ที่ได้รับผลกระทบที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วย นอกจากนี้หากมีตำแหน่งใดที่สามารถพิจารณากำหนดให้เป็นตำแหน่งทางวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่มีเงินประจำตำแหน่ง เช่น ดำแหน่งวิศวกร สถาปนิก หรือตำแหน่งอื่น ๆ สมควรพิจารณากำหนดตำแหน่งนั้นให้เป็นตำแหน่งเฉพาะตัวต่อไปเพื่อให้มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่ง หากพ้นวันที่ 31 มีนาคม 2548 ที่ขยายเวลาไปแล้วยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นได้ ให้สำนักงาน ก.พ. รายงานข้อเท็จจริง เหตุผล ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการที่ไม่อาจดำเนินการได้เป็นรายตำแหน่ง ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา ต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ได้ประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับ โครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่แล้วพบว่า มีข้าราชการได้รับผลกระทบ 34 ส่วนราชการ รวม 270 ราย สรุปผลการดำเนินการ ดังนี้
1. ส่วนราชการได้ดำเนินการแต่งตั้งไปแล้ว 97 ราย
2. มีผู้เข้าร่วมมาตรการเกษียณอายุก่อนกำหนด เกษียณอายุโอนไปดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงิน
ประจำตำแหน่งในส่วนราชการอื่นและอื่น ๆ 50 ราย
3. มีผู้ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง รวม 123 ราย ซึ่งพบว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากส่วนราชการไม่มีตำแหน่งว่างเพียงพอที่จะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวได้
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในการประชุมครั้งที่ 8/2547 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2547 พิจารณาแล้ว มีมติว่า ให้สำนักงาน ก.พ. สำรวจตำแหน่งที่จะว่างจากการเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2547 ทั้งส่วนราชการที่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบสังกัดอยู่และส่วนราชการอื่นภายในกระทรวงเดียวกันว่ามีตำแหน่งใดบ้างและมีหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการที่มีข้าราชการที่ได้รับผลกระทบสังกัดอยู่ดำเนินการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับผลกระทบให้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งทั้งประเภทบริหารระดับกลาง บริหารระดับสูง และเชี่ยวชาญเฉพาะ ในลำดับแรกที่กระทำได้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ส่วนกรณีมีตำแหน่งว่างในส่วนราชการอื่นภายในกระทรวงเดียวกัน ให้สำนักงาน ก.พ. แจ้งไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงนั้นให้ดำเนินการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ว่างจากต่างส่วนราชการได้ โดยให้แต่ละส่วนราชการพิจารณาประเมินสมรรถนะของข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการยุบเลิกงานหรือยุบรวมงานหรือการรวมงาน ซึ่งเคย ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับกลาง และบริหารระดับสูงมาแล้ว เพื่อแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งด้วย โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. รับผิดชอบติดตามการดำเนินการเร่งรัดการแต่งตั้งข้าราชการที่ได้รับผลกระทบตาม มาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และเห็นควรให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับเงิน ประจำตำแหน่งที่ได้รับเดิมต่อไป เป็นการเฉพาะตัวออกไปอีก จนกว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงิน ประจำตำแหน่ง ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน (วันที่ 31 มีนาคม 2548)
หากส่วนราชการไม่สามารถแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับกลาง บริหารระดับสูง และเชี่ยวชาญเฉพาะได้ เมื่อพ้นวันที่ 31 มีนาคม 2548 ไปแล้ว ให้บุคคลนั้นได้รับเงินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ข้อ 6
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
1. การให้ความช่วยเหลือข้าราชการผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ในการปฏิรูประบบราชการ โดยให้มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่งเดิมต่อไปเป็นการเฉพาะตัว 1 ปี (1 ตุลาคม 2545-30 กันยายน 2546) และได้มีการขยายเวลาให้รับเงินประจำตำแหน่งออกไป อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 6 เดือน รวมเป็นเวลา 2 ปี (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547) เพื่อให้ส่วนราชการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ปรากฏว่าปัจจุบันมีข้าราชการผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างจำนวน 123 คน ยังไม่ได้รับการบรรจุให้ดำรงตำแหน่งที่มีเงินประจำตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว ข้าราชการเหล่านั้นก็จะไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งอีกต่อไป อย่างไรก็ดี การจะไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งในกรณีนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดของบุคคลเหล่านั้น จึงควรได้รับการเยียวยา โดยขยายระยะเวลามาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง
กรมใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี (17 กันยายน 2545) ออกไปอีก 6 เดือน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้
2. การที่ข้าราชการผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ ทั้ง 123 คน ยังไม่ได้รับการบรรจุให้ดำรงตำแหน่งที่มีเงินประจำตำแหน่งเกิดจากสาเหตุหลายประการทั้งจากข้อจำกัดของตำแหน่งผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ และเหตุผลเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้น สมควรต้องพิจารณาในรายละเอียดจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วได้ โดยให้สำนักงาน ก.พ. เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานกับหน่วยราชการที่มีปัญหา เพื่อจัดทำแผนและกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการดำเนินการแต่งตั้งให้แก่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบให้ชัดเจน เช่น ในกรณีที่มีตำแหน่งในส่วนราชการนั้นว่างให้แต่งตั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก หรือ ในกรณีที่มีตำแหน่งว่างในกระทรวง เดียวกันขอให้พิจารณาผู้ที่ได้รับผลกระทบที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วย นอกจากนี้หากมีตำแหน่งใดที่สามารถพิจารณากำหนดให้เป็นตำแหน่งทางวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่มีเงินประจำตำแหน่ง เช่น ดำแหน่งวิศวกร สถาปนิก หรือตำแหน่งอื่น ๆ สมควรพิจารณากำหนดตำแหน่งนั้นให้เป็นตำแหน่งเฉพาะตัวต่อไปเพื่อให้มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่ง หากพ้นวันที่ 31 มีนาคม 2548 ที่ขยายเวลาไปแล้วยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นได้ ให้สำนักงาน ก.พ. รายงานข้อเท็จจริง เหตุผล ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการที่ไม่อาจดำเนินการได้เป็นรายตำแหน่ง ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา ต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ได้ประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการรับเงินประจำตำแหน่งในช่วงปรับ โครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่แล้วพบว่า มีข้าราชการได้รับผลกระทบ 34 ส่วนราชการ รวม 270 ราย สรุปผลการดำเนินการ ดังนี้
1. ส่วนราชการได้ดำเนินการแต่งตั้งไปแล้ว 97 ราย
2. มีผู้เข้าร่วมมาตรการเกษียณอายุก่อนกำหนด เกษียณอายุโอนไปดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงิน
ประจำตำแหน่งในส่วนราชการอื่นและอื่น ๆ 50 ราย
3. มีผู้ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง รวม 123 ราย ซึ่งพบว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากส่วนราชการไม่มีตำแหน่งว่างเพียงพอที่จะแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวได้
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในการประชุมครั้งที่ 8/2547 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2547 พิจารณาแล้ว มีมติว่า ให้สำนักงาน ก.พ. สำรวจตำแหน่งที่จะว่างจากการเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2547 ทั้งส่วนราชการที่ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบสังกัดอยู่และส่วนราชการอื่นภายในกระทรวงเดียวกันว่ามีตำแหน่งใดบ้างและมีหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการที่มีข้าราชการที่ได้รับผลกระทบสังกัดอยู่ดำเนินการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับผลกระทบให้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งทั้งประเภทบริหารระดับกลาง บริหารระดับสูง และเชี่ยวชาญเฉพาะ ในลำดับแรกที่กระทำได้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ส่วนกรณีมีตำแหน่งว่างในส่วนราชการอื่นภายในกระทรวงเดียวกัน ให้สำนักงาน ก.พ. แจ้งไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงนั้นให้ดำเนินการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ว่างจากต่างส่วนราชการได้ โดยให้แต่ละส่วนราชการพิจารณาประเมินสมรรถนะของข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการยุบเลิกงานหรือยุบรวมงานหรือการรวมงาน ซึ่งเคย ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับกลาง และบริหารระดับสูงมาแล้ว เพื่อแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งด้วย โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. รับผิดชอบติดตามการดำเนินการเร่งรัดการแต่งตั้งข้าราชการที่ได้รับผลกระทบตาม มาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และเห็นควรให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับเงิน ประจำตำแหน่งที่ได้รับเดิมต่อไป เป็นการเฉพาะตัวออกไปอีก จนกว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ได้รับเงิน ประจำตำแหน่ง ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน (วันที่ 31 มีนาคม 2548)
หากส่วนราชการไม่สามารถแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับกลาง บริหารระดับสูง และเชี่ยวชาญเฉพาะได้ เมื่อพ้นวันที่ 31 มีนาคม 2548 ไปแล้ว ให้บุคคลนั้นได้รับเงินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ข้อ 6
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-